ก่อเหตุป่วนจนชาวบ้านย่านบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ต่างเอือมระอา กรณีเด็กชาย 2 คน อายุราว 12-14 ปี ขี่รถจักรยาน ตระเวณพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพง และรถของชาวบ้านเสียหาย

ล่าสุดโดนดีกันอีก ไม่ไกลจากจุดเดิม สองพ่อลูกคู่นี้รู้สึกยั๊วะกับสภาพรถจักรยานยนต์ที่เพิ่งตามกลับมาได้ หลังถูกขโมยไป ตอนแรกที่เจอ รถถูกถอดบังโคลนสตาร์ทไม่ติด ก็ซ่อมเอาแค่พอขี่ได้ แต่ยังคงเหลือร่องรอยบาดใจ ที่ถูกปู้ยี่ปู้ยำเล่นกันเลอะเทอะ จากรถสีเขียว พวกเปลี่ยนสีให้ พ่นดำใส่เป็นหย่อมพร้อมประกาศศักดา

แม้ตอนนี้รถขี่ได้ แต่เจ้าของรถบอก จะขี่ไปไหนมาไหนก็ไม่สบายใจอยู่ดี สภาพรถแบบนี้ เขียวบ้าง ดำบ้าง วันดีคืนดีอาจถูกเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดเอาง่ายๆ

พ่อลูกย้อนเล่า...วันเกิดเหตุ เช้ามืดผู้เป็นพ่อออกจากบ้าน ให้อาหารกระต่ายอย่างเย็นใจเหมือนทุกที พอจะไปทำงานหัวใจหล่นวูบ หาจักรยานยนต์คู่ใจที่จอดไว้ข้างบ้านไม่เจอ นาทีนั้นรู้เลยหายแน่ ปกติจอดแบบนี้มาเป็นสิบปีไม่เคยมีปัญหา

รถหายไปไม่กี่ชั่วโมง มีคนมาบอก เจอแล้วอยู่ใต้ถุนกุฏิวัดใกล้บ้านรีบไปดู เห็นรถจอดทิ้งพร้อมกระป๋องสีสเปรย์ คาดหัวขโมยคงสตาร์ทไม่ติดจึงทิ้งไว้

ตามรอยคนร้ายจากวงจรปิด เหตุเกิดก่อน 03.00 น. เล็กน้อย พอเห็นคนทำก็รู้เลย เป็น 2 วัยรุ่นคนเดิม ที่ก่อเหตุป่วนก่อนหน้า

เจอรถหายก็นับว่าโชคยังดี แต่ที่รู้สึกงง คือคำพูดของตำรวจ บอกเมื่อเจอรถแล้วขอให้แล้วกันไป..เจ้าทุกข์ คาใจ เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่ดำเนินคดีทั้งที่สภาพรถก็ไม่เหมือนเดิมเล่มทะเบียนหาย แถมยังมีวงจรปิดเป็นหลักฐาน

เมื่อเยาวชนบ่มเพาะพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อนให้สังคมแต่กลับไม่ได้รับบทลงโทษ และไม่มีการป้องปราม..ที่สุดแล้ว ก็ไม่น่าจะเดายาก อนาคตของชาติ จะเป็นอย่างไร