อนุวัตจัดให้วันนี้ สำหรับผู้ที่ชอบเรื่องคาถาอาคม คงกระพันชาตรี ต้องไม่พลาด คุณหนุ่มจะพาไปชมเคล็ดวิชาแช่ว่านยาของสำนักเขาอ้อ วัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ที่ต้องบอกว่าต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม
อนุวัตจัดให้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ผมพร้อมทีมงานจะพาคุณผู้ชมไปสัมผัสเคล็ดวิชาแช่ว่านยา หนังเหนียวอยู่ยงคงกระพัน ของสำนักเขาอ้อ วัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ที่ผู้ศรัทธากล่าวขานกันมาเรื่องของตำราพระเวทและความหนังเหนียว พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายพลหนังเหนียวผู้ปราบโจรมานับไม่ถ้วน ก็เป็นศิษย์สำนักนี้ และลงแช่ว่านยาอยู่ยงคงกระพันแบบนี้มาก่อน
2 กุมภาพันธ์ บุรุษผู้กล้าแช่ว่านยาทั้ง 10 คน รวมผมเป็น 11 เดินทางขึ้นวัดเขาอ้อ เพื่อมารอแช่ว่านยา 3 วัน 2 คืน โดยที่พวกเขาไม่รู้ชะตากรรมนับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ว่านยาทั้ง 108 ชนิด ถูกนำมาต้มด้วยความร้อนจัด ให้ตัวยาไหลซึมออกมาผสมกัน ว่านแต่ละชนิดนี้ ผู้สืบทอดวิชาแช่ว่านยาตำหรับเขาอ้อ ต้องใช้เวลาเดินขึ้นเขาไปทำพิธีหาว่านยา กว่าจะได้มาแต่ละชนิด ต้องใช้เวลาหลายเดือน ปกติการแช่ว่านยามักทำปีละ 2 ครั้ง คือ เดือนเมษายน และเดือนกันยายน แช่เฉพาะผู้ชายเท่านั้น
ครูผู้สืบทอดการแช่ว่านยา จะหาฤกษ์ดี จากนั้นเริ่มทำพิธีกรรมลงอักขระที่รางแช่ว่านยา ซึ่งเป็นรางที่เกจิอาจารย์ชื่อดังใช้มาในอดีต
ผู้แช่ว่านยาต้องถอดเสื้อผ้า ใส่ผ้าขาวม้า ไหว้ครู และทำพิธีเกิดใหม่ให้บริสุทธิ์ นั่งลักษณะใกล้คลอดอยู่ในครรภ์มารดา จากนั้นใช้หญ้าคา ต่อยาวพอดีตัว มัดเป็นวงกลมคล้องตั้งแต่หัว ผู้แช่ว่านยาต้องพยายามลอดหญ้าคาออกมาเหมือนเพิ่งคลอดให้ได้
ต้องพยายามไม่ให้หญ้าคาขาด แต่ละคนกว่าจะผ่านไปได้ต้องใช้เวลาพอสมควร จากนั้นครูจะบริกรรมคาถาท่ามกลางว่าน 108 ชนิดที่ร้อนระอุ ผู้ที่จะลงแช่ว่านยาต้องหันทิศไปทางที่เป็นเดช เรียงแช่ตามลำดับการเกิด ใช้เท้าเหยียบเหล็กกล้าที่วางอยู่บนหนังเสือ ใช้หนังหมีครอบศีรษะบริกรรมคาถา ตั้งสมาธิ ก้าวลงแช่ด้วยเท้าซ้าย
สีหน้าแต่ละคนเริ่มสัมผัสถึงความร้อน ต้องนอนแช่จนถึงคอ รางแช่ว่านยาที่เล็ก ทำให้ต้องแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน สลับกันแช่ครั้งละ 2 ชั่วโมง แช่จนถึงคอ บริกรรมคาถา ผ่านไปได้ 1 ชั่วโมง แต่ละคนเริ่มแสดงอาการแล้ว
น้ำที่ร้อนเพราะต้องเติมต่อเนื่อง ผสมกับกลิ่นว่านยาทั้ง 108 ชนิดที่ตลบอบอวล ทำให้แต่ละคนเหงื่อแตก นี่แค่ชั่วโมงแรกเท่านั้น
ข้อห้ามสำคัญ ต้องไม่ให้น้ำว่านยาเข้าหู เพราะหูจะหนวก หากเข้าตา ตาจะบอด สมัยก่อนมักใส่หนามลงไปด้วย เพื่อให้ทิ่มตำร่างกายให้ตัวยาซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น สมัยนี้แค่บอระเพ็ดก็แย่แล้ว
ระหว่างที่พวกผมแช่ว่านยาบนเขา บริกรรมคาถาอยู่ยงคงกระพัน ผู้เข้าร่วมพิธีกรรมคนอื่นจะเข้าไปในถ้ำฉัททันต์ ซึ่งมีหินคล้ายรูปงวงช้าง ด้านล่าง เพื่อทำพิธีปลุกพระเสกคน สมัยก่อนถ้ำแห่งนี้ใช้สำหรับปลุกเสกของขลังตามคติความเชื่อ ทำให้ผู้มีจิตศรัทธานำของขลังเข้ามาปลุกเสกใหม่ เสียงพระทำพิธีภายในถ้ำได้ยินมาถึงรางแช่ว่านยาที่พวกผมนอนอยู่ ผ่านไป 2 ชั่วโมง พวกผมเริ่มมีอาการแล้ว
แช่แบบนี้สลับกันไป ทุกครั้งที่สลับจะต้องเพิ่มว่านยาร้อนๆลงไปเสมอ เพื่อให้น้ำร้อนตลอดเวลา แช่แบบนี้ตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน
ช่วงกลางคืนใครจะแช่นานแค่ไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะขึ้นประมาณเที่ยงคืน แล้วพัก ข้อห้ามสำคัญอีกข้อคือ ตลอดพิธีแช่ว่านยา 3 วัน 2 คืน ห้ามออกจากวัดเด็ดขาด วันแรกยังขนาดนี้ พรุ่งนี้มาดู ทำไมอนุวัตจัดให้สิ้นแรง
