รู้ให้ลึกถึงคอร์กไวน์
หากอยากมีความรู้เรื่องไวน์ การรู้ถึงชนิดของไวน์ พันธุ์องุ่นและสถานที่ผลิตคงไม่เพียงพอ เพราะแม้แต่คอร์กที่ใช้ปิดขวดไวน์ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับไวน์มาตั้งแต่สมัยโบราณยังมีหลายแบบที่ถูกนำมาใช้งานในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าไม่ได้มีหลากหลายแบบมากเหมือนกับพันธุ์องุ่นที่ใช้ในการผลิตไวน์ เพราะลักษณะของคอร์กที่ใช้ปิดขวดไวน์มี 4 ประเภท
Natural Cork : เป็นชนิดของคอร์กที่ถูกใช้มายาวนานตั้งแต่ยุคกรีก อาจมีลักษณะเป็นคอร์กชิ้นเดียวทั้งอัน แบบหลายชิ้นที่ถูกติดกาวเข้าด้วยกัน หรือใช้ชิ้นคอร์กเล็กๆ อัดเข้าไปในรูเล็กๆ บนตัวคอร์กหลัก แต่จะมาจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ในปัจจุบันก่อนนำมาปิดขวดไวน์คอร์กธรรมชาติจะถูกนำไปฆ่าเชื้อด้วยการ Sterilized ก่อนเพื่อความมั่นใจว่าไม่มีสิ่งปนเปื้อน คอร์กแบบ Natural ที่เป็นชิ้นเดียวจะเหมาะสำหรับไวน์ที่เก็บเป็นเวลานานเนื่องจากตัวคอร์กสามารถปล่อยให้อากาศเข้าสัมผัสกับไวน์ในปริมาณที่เหมาะสม ตัวคอร์กสามารถปรับตัวตามขนาดที่ไม่สม่ำเสมอของคอขวดไวน์ได้ง่าย
Agglomerated Cork : เป็นคอร์กที่เกิดจากการนำเอาชิ้นคอร์กขนาดเล็กที่เหลือหรือได้หลังจากการผลิตคอร์กแบบ Natural แล้วมารวมกันในแม่พิม์หรือใช้การอัดเพื่อให้มีรูปทรงที่ต้องการ จึงทำให้มีลักษณะเป็นคอร์กที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนคอร์กเล็กๆ จำนวนมาก แน่นอนว่าคอร์กแบบนี้มีราคาถูกกว่าคอร์กแบบแรกมาก และไม่เหมาะที่สำหรับใช้กับไวน์ที่จะเก็บเป็นเวลานาน โดยทั่วไปแล้วจะใช้มักใช้กับไวน์ที่ดื่มในปีแรก
Double Disc Cork : คอร์กที่มีลักษณะนี้ยังถูกเรียกอีกชื่อว่า 1+1 เป็นคอร์กที่มีความซับซ้อนในการผลิตมากกว่าแบบอื่นเพราะมีลักษณะเป็นแผ่นคอร์กแบบ Natural ที่สองด้านหัวท้ายโดยตรงกลางเป็นคอร์กแบบ Agglomerated เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นานกว่าคอร์กแบบ Agglomerated แต่มีราคาถูกกว่าคอร์กแบบ Natural เหมาะสำหรับไวน์ที่เก็บในช่วงเวลาระยะกลางเนื่องจากมีอากาศเพียงเล็กน้อยที่เข้าไปสัมผัสไวน์ได้
Synthetic Cork : เป็นคอร์กมักที่ถูกผลิตจากพลาสติกที่มีพื้นฐานมาจากน้ำมันดิบ แต่ก็มีบางผู้ผผลิตที่วัสดุสังเคราะห์จากธรรมชาติอย่างข้าวโพดหรืออ้อย คอร์กแบบนี้เริ่มมีการนำมาใช้กับอุตสาหกรรมผลิตไวน์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ผู้ผลิตไวน์ยังใช้ประโยชน์ในการผลิตคอร์กจากวัสดุที่มีความหนาแน่นต่างกันเพื่อทำให้คอร์กสามารถปล่อยให้อากาศผ่านเข้าสู่ไวน์ในปริมาณที่ต้องการได้ และผลิตให้พอดีกับคอขวดไวน์ได้ง่าย รวมทั้งยังสามารถใช้งานได้นานด้วย ปกติแล้วมักใช้ปิดขวดไวน์ที่ต้องดื่มภายใน 1-3 ปี