พิเศษของปก Campus Star ฉบับนี้คือได้ 7 นักแสดงจากหนัง“APPWAR” แอปชนแอป มารู้จักพวกเขากันเลย

หนังโรแมนติกคอเมดี้ที่ได้นักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ นำแสดงโดย นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต, จิงจิง-วริศรา ยู, อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ หรืออร BNK, ทู-สิราษฎ อินทรโชติ, หรั่ง-อภิวิชญ์ เรียร์ดอน, เติร์ท-ธนาภพ อยู่วิจิตร และธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ไปทำความรู้จักนักแสดงทั้ง 7 ไปพร้อมๆ กัน รวมถึงประสบการณ์ในชีวิตมหา’ลัยที่สะท้อนถึงตัวตนที่แตกต่างของแต่ละคนที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน7 ตัวตน 7 บุคลิก

นัท :เรื่องนี้ก็ถือเป็นภาพยนตร์ยาวเรื่องแรกของผม รับบทเป็น “บอมบ์” เป็นโปรแกรมเมอร์ที่ทำแอปINVITER ขึ้นมา ที่มีนิสัยไม่แมส แต่มีความชอบหลายอย่าง เลยทำให้เขาต้องมีหลายกลุ่มเพื่อน แต่ก็ต้องเจอกับความขัดแย้งในความสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งความคล้ายของผมกับบอมบ์คงเป็นเรื่องของการมีหลายกลุ่มเพื่อน แต่ไม่เหมือนตรงที่เป็นโปรแกรมเมอร์ ก็ต้องค่อยๆ ปรับจูนกันไป
จิงจิง: หนูเริ่มจากการเป็นนางแบบตั้งแต่อายุ 15 มีโอกาสโกอินเตอร์ไปเป็นนางแบบที่เกาหลีตั้งแต่เด็ก ก็พอได้เข้ามาแคสหนังเรื่องนี้ พี่ๆ เขาบอกว่าอยากให้เป็นหนูค่ะ คือคาแรกเตอร์นี้เลย ก็รับบทเป็น “จูน” มาร์เก็ตติ้งหัวหน้าทีม AMJOIN ที่ดูภายนอกมั่นใจ เป็นคนเก่ง เข้มแข็ง แต่จริงๆ อ่อนแอ หัวรั้น ภายนอกมันขัดกับข้างในตรงที่ไม่มีความมั่นใจ ก็ตรงกับตัวหนูเลยนะคะ แต่ปกติเคยแต่เล่นเอ็มวี พอมาเล่นหนังเรื่องนี้ก็มีความยากช่วงแรกที่ยังไม่ลงตัว แต่พอเริ่มรู้ว่าจูนเป็นยังไง ก็สนุกดี มันท้าทายมากในการเข้าฉากแต่ละซีนว่าเราจะต้องเล่นยังไง
อร : ต้องผ่านการแคสเข้ามา ถึงเป็น BNK ก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะได้มาเล่นเลย ก็ต้องแคสว่าเราเข้ากับบทมั้ย ตอนแคสก็ยากนิดหนึ่ง เพราะหนูไม่เคยผ่านงานแสดงมาก่อน สุดท้ายพอได้ ก็ได้เริ่มเรียนแอกติ้งแบบจริงจัง ก็รับบท “มายด์” นักศึกษาฝึกงานของทีม AMJOINบุคลิกก็ใกล้เคียงตอนอยู่ในวง คือสดใส น่ารัก ความยากตรงที่จำบท มีซีนหนึ่งต้องจำบทสามหน้ากระดาษ คือเราต้องเป็นฝ่ายรุก แล้วมันจะมีการเปลี่ยนผ่านทางอารมณ์เยอะมาก แต่ก็สนุกกับหนังเรื่องแรก บรรยากาศในกองก็แฮปปี้ดี เหมือนเป็นการเปิดโลกอีกแบบสำหรับหนูเลย
เติร์ท: จากที่ประกวดในTHE FACE MEN ก็คือมีคนติดต่อเข้ามา รับบทเป็น “บัน” เป็นดีไซเนอร์ที่มีแอดติจูดแรง แล้วก็รักเพื่อน คาแรกเตอร์ก็ไม่ไกลจากเติร์ทเลย เพราะส่วนตัวก็มีเพื่อนผู้หญิงเยอะ คุยกับเพื่อนประมาณนี้ แต่ในเรื่อง “บัน” อาจจะมีความเยอะ มีสกิลในการพูดมากกว่าพอสมควร เล่นหนังก็สนุกมาก ได้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้อีกแล้ว ก็รู้สึกดีที่ได้มาเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ในชีวิต
หรั่ง:ผมได้รับบทเป็น “บิ๊ว” เป็นมาร์เก็ตติ้งของทีม เป็นนักการตลาดหัวเงิน ที่อยากได้เงิน คือคาแรกเตอร์จะสุดโต่ง ก็มีความใกล้เคียงตรงที่ผมก็มีทำธุรกิจกับเพื่อนเหมือนกัน แต่เวลาแสดงมันจะยากตรงที่เราจะแสดงยังไงให้เป็น “บิ๊ว” ไม่ใช่เป็นตัวเอง
ธิชา : ในเรื่องรับบทเป็น “ฝ้าย” โปรแกรมเมอร์ของทีม คาแรกเตอร์จะแรงๆ ขาลุย ชอบวางแผน ฉลาด ซึ่งก็ห่างจากตัวธิมากเหมือนกัน เพราะธิไม่รู้อะไรเรื่องไอทีเลย (หัวเราะ) ปกติจะไม่ค่อยพูดนิ่งๆ ก็เลยต้องทำการบ้านเยอะเพื่อให้คนดูเชื่อว่ามันเป็นตัวตนของเราที่แสดงออกมาจริงๆ
ทู : เรื่องนี้รับบทเป็น “ไต๋” ดีไซน์เนอร์ของทีม คาแรกเตอร์จะจริงจัง ไม่ชอบเล่นตุกติก แต่ก็ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ คือเงียบๆ ยอมเพื่อน ไม่ค่อยสู้คน ซึ่งไม่เหมือนตรงผมจะพูดเยอะกว่า แต่เรื่องยอมเพื่อน ไม่สู้คนอันนี้ก็จริง แต่ว่าคงไม่ได้นิ่งขนาดนั้น อาจจะมีหืออือบ้างเล็กน้อย (หัวเราะ)

แอปพลิเคชั่นโปรดในชีวิตจริงของแต่ละคน
นัท :แอปที่ชอบเข้าจะเป็นแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับข่าวฟุตบอล เพราะเป็นคนชอบดูฟุตบอล
จิงจิง:เอาจริงๆ หนูเป็นคนติดเทคโนโลยี ติดเกม ติดการ์ตูนเหมือนกัน แอปที่เข้าบ่อยจะเป็นแอปLINE MAN กับเว็บตูน เพราะชอบนั่งอ่านการ์ตูนเวลาไม่มีอะไรทำ มันเพลินดี
อร :ชอบเล่นแอปโน้นนี้เหมือนกัน อย่างตอนนี้ชอบเล่นเกม THE SIM กับ PUBG แล้วก็มี NETFLIX ดูหนังด้วยค่ะ
เติร์ท: เป็นคนไม่เก่งเรื่องเทคโนโลยีเลย แอปพลิเคชั่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างMcDeliveryGRAB BIKE หรือแอปของมหา’ลัยแล้วก็มี APPLE MUSIC ไว้ฟังเพลง
หรั่ง:ส่วนใหญ่จะใช้แอปพลิเคชั่นไว้สื่อสารอย่างพวกไลน์มากกว่า
ธิชา :ส่วนตัวเป็นคนโลว์เทคโนโลยีมากๆ แต่ก็เล่นเฟซบุ๊กปกติ แล้วก็มีพวกไอจีกับไลน์บ้าง
ทู :ไม่ค่อยมีแอปแฟนซีอะไร (ฮา) มีโทรศัพท์ไว้ใช้โทรแค่นั้น มีบ้างอย่างแอปแต่งรูปใส่กรอบ หรือเกมโหลดตามเพื่อนมา

ความถนัดในมหาวิทยาลัย
นัท :เพิ่งเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.เอแบค เพราะตอนเด็กชอบวาดรูป แล้วก็คิดว่าอยากเลือกคณะอะไรที่เลี้ยงชีพได้ ตอนเลือกเรียนก็ไม่ได้มีความเข้าใจในพื้นฐานของคณะเท่าไหร่ แต่พอมาเรียนเรื่อยๆ มันก็เข้าใจมากขึ้น คณะนี้มันมีข้อดีที่มีชิ้นงานปฏิบัติเยอะ ไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือท่องจำเท่าไหร่ แต่ก็ต้องแบ่งเวลาการทำงานให้ดีเหมือนกัน
จิงจิง:เรียนอยู่ปี 2 คณะนิเทศศาสตร์ ม.เอแบค ช่วงแรกที่เลือกเรียนเพราะชอบการแสดง แต่พอได้เรียนหลายวิชา ได้ทำหนังสั้นเรื่องหนึ่ง รู้สึกสนุกมาก เลยคิดว่าถ้าปีต่อไปได้เลือกสาขา คงเลือกสาขาที่ทำเบื้องหลังเกี่ยวกับฟิล์ม ตัดต่อ


อร :หนูเรียนอยู่ที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ เป็นหลักสูตรแบบอิตาลีอินเตอร์ คือตอนที่เลือกเรียนที่นี่ หนูเป็นคนไม่ชอบทำตามกฎระเบียบของโลกใบนี้ (หัวเราะ) หนูคิดว่าการเรียนในระบบมันก็ดี แต่มันก็มีการเรียนอีกแนวหนึ่ง แล้วตอนนั้นสอบเทียบจบก่อนเพื่อน เลยเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ค้นหาตัวเองแล้วคิดว่า เออ ถ้าเราอยากเรียนแฟชั่น เราก็ควรจะมุ่งด้านนี้ไปเลย เราน่าจะหารายได้จากตรงนี้ได้อยู่แล้ว พอเรียนก็สนุกนะคะ แล้วรู้สึกท้าทายด้วย เพราะเราเหมือนเป็นเด็กที่สุดในห้องเรียน เขาจะเรียนในแบบผู้ใหญ่เรียนกัน ก็ต้องมีวินัยในการเรียน ทำให้เราโตขึ้นด้วย
เติร์ท: เรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจ ม.กรุงเทพ คิดว่าเรียนบริหารมาในอนาคตน่าจะเอาไปต่อยอดชีวิตได้ ได้เรียนมาก็มีความยากง่ายปนกันไป ก็ต้องตั้งใจเรียน แล้วก็แบ่งเวลาเรียนกับทำงานไปด้วย
หรั่ง:จบมาจากคณะสังคมศาสตร์ เอกประวัติศาสตร์ มศว ส่วนหนึ่งที่เลือกเรียนเพราะผมโตมากับสารคดี ตอนเด็กพ่อจะชอบให้ดูอะไรที่มีประโยชน์ แล้วพอมาเรียนก็ทำให้รู้เลยว่าประวัติศาสตร์มันคือที่สุดของแก่นความรู้ แทบทุกอย่างของโลกคือประวัติศาสตร์ ไม่ว่าคุณจะเรียนอะไร อย่างเพื่อนเรียนฟิล์ม ก็ต้องเรียนประวัติศาสตร์ของหนังเป็นมายังไงด้วย มันก็ได้เปรียบคนอื่นนะ เหมือนเราเห็นทุกอย่างรอบๆ ตัวมากกว่าคนอื่น มันเป็นอะไรที่วนเวียนอยู่รอบตัวเรา ที่เป็นสูตรตายตัว เราจะรู้ได้ด้วยเซ้นท์ของเราเอง
ธิชา :สำหรับธิธิไม่ได้ต่อมหา’ลัยค่ะ ธิเป็นคนที่รู้จักตัวเองมาก รู้ว่าเราทำอะไรได้ดี แล้วทำอะไรได้ไม่ดี เลยเลือกที่จะไม่โกหกตัวเองแล้วเรียนเหมือนที่คนอื่นทำกัน ธิคิดว่าใบปริญญามันสำคัญ ไม่งั้นคนเขาคงไม่เรียนกันไปมากมาย แต่สำหรับตัวเอง คิดว่าคงไม่ได้จบมาใช้ใบปริญญาทำอะไร เอาเวลาสี่ปีนั้นมุ่งไปทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้มันออกมาได้ดีดีกว่า รู้สึกว่าความรู้มันมีอยู่ทุกที่ ถ้าคนเราอยากได้ความรู้หาได้ทุกที่ทั้งหนังสือ อินเตอร์เน็ต เข้าถึงง่ายมาก แล้วก็รวดเร็ว เลยคิดว่าถ้าเราตั้งใจทำด้านไหนแล้วถนัดก็เลือกทำด้านนั้นไปเลย แล้วหาความรู้ทางอื่นรอบตัวดีกว่า

ทู :ตอนนี้เรียนคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ครับ เลือกสาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง เพราะเป็นคนสนใจทางด้านภาพยนตร์มานานแล้ว อยากเรียนตัดต่อเบื้องหลัง อนาคตก็อยากจะเป็นผู้กำกับหนัง

ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้จากมหา’ลัย
นัท :เราได้ลองคิดวิเคราะห์สิ่งที่อาจารย์ให้มาในแต่ละสตูดิโอ เหมือนเป็นโจทย์ที่เวลาทำงานในออฟฟิศหรือองค์กรใหญ่เราอาจจะได้เจอมันจริงๆ ซึ่งเราเหมือนได้เป็นเจ้าของโปรเจคที่เริ่มทำตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ อย่างปี 3 ก็ได้เรียนการเขียนมือกับคอมพิวเตอร์ โปรเจกต์สุดท้ายของการเขียนมือ จำได้เลยว่ามันเหนื่อยมากๆ ตอนนั้นเปิดสตูอยู่กับเพื่อน เปิดห้องรวมตัวยัดๆ กันเข้าไป ทุกๆ สองชม.จะออกมาข้างนอกแล้วก็มานั่งคุยกันว่า ย้ายดีป่าววะ มันใช่หรอ เหนื่อยไปป่าว คำถามมันเยอะไปหมด แต่สุดท้ายก็พาลากกันมาจนถึงจุดผ่าน แล้วก็จบมาได้ (ยิ้ม) ตอนนี้จบมาก็มีรับทำกราฟิกฟรีแลนซ์อยู่บ้าง แต่โดยหลักๆ ก็คือเป็นดีเจกับนักแสดง แต่ก็มีความฝันในอนาคตนะ ว่าอยากจะเปิดเป็นสตูดิโอสถาปัตย์ฯ เล็กๆ ที่เป็นร้านกาแฟด้วย
จิงจิง:คิดถึงครั้งหนึ่งที่อาจารย์ให้ทำหนังสั้นเรื่องหนึ่ง แล้วหนูนั่งเขียนบทเอง กำกับเอง แล้วก็เพื่อนผู้หญิงอีกคนมาตัดต่อ ถ่ายทำ เป็นหนังแนวโรแมนติกคอเมดี้ ก็สนุกดีค่ะ เพื่อนที่แสดงให้เราก็ตลกอยู่แล้ว ก็เลยแฮปปี้กับมันมาก อาจารย์นั่งดูก็นั่งขำใหญ่เลย อนาคตจริงๆ ตอนนี้ยังไม่มีแพลน เพราะความฝันโกอินเตอร์ไปเกาหลี หนูก็ได้ทำมันแล้ว แต่ที่อยากทำอีกอย่างในอนาคตน่าจะอยากเป็นผู้กำกับหนัง
อร :ตอนทำโปรเจกต์Doll ทำตุ๊กตา เหมือนจะง่าย แต่คือไม่ง่ายเลย อาจารย์ให้เลือกว่าอยากทำยุคไหน เราก็ต้องพรีเซ้นท์ให้ผ่าน แล้วต้องมีการเย็บตุ๊กตาขึ้นมาซึ่งยากมาก เหมือนทำธีสิสจบตอนปี 4 เลยค่ะ แต่นี่จริงๆ หนูเรียนแค่ปีเดียวเอง ก็ต้องทำทุกอย่าง ทำแบรนด์นำมาประยุกต์ใช้ มีการใช้ทำ Mood Board ขึ้นมา กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างได้ แต่คือมันก็สามารถนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการทำงานได้ อย่างตอนนี้หนูเล่นเป็น “มายด์” ก็ทำ Mood Board ขึ้นมาเลย (ยิ้ม) ว่ามายด์เป็นคนยังไง สังคมเป็นยังไง มันนำการเรียนมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน การแสดงหนัง แล้วก็ในวง BNK ก็ใช้ได้
เติร์ท:ประทับใจบรรยากาศปีแรกที่มีเพื่อนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเยอะ แล้วก็เพื่อนที่เรียนในเมืองไทยด้วย กลุ่มใหญ่ 30 กว่าคน เป็นแก๊งค์ที่เฮฮามาก เวลาสองแก๊งค์นี้เดินไปไหนก็จะเจอเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แล้วก็คุยกันสนุกสนาน แล้วตอนนั้นเพื่อนสนิทเติร์ทจะมีอพาร์ทเม้นท์ที่มีห้องรับแขกใหญ่ที่ทุกคนจะต้องเดินไปที่ห้องนั้น เคาะประตูแล้วก็จะอยู่นั่งเล่นกันที่นั่นตลอดเวลา มันเป็นความทรงจำที่เติร์ทไม่เคยลืม
หรั่ง:ย้อนกลับไปผมจะคิดถึงความเป็นยูนีกของภาควิชาอะ คือเพื่อนๆ ไม่ได้เนิร์ด เด็กคณะสังคมจะมีแนวทางของมันเอง คือไม่ติสท์ แต่ก็ไม่ใช่โคตรเด็กเนิร์ด เป็นเด็กที่อยู่ตรงกลาง มาในฐานะนักสังเกตการณ์ เราไม่ได้อยากเป็นคนสุด แต่เราพูดเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในสังคมยันเรื่องที่สังคมพูดกันจนน่าเบื่อก็ได้ คือเราไม่ได้เจอคนที่เรียนด้านสเต็จในคณะศิลปกรรมเพื่อมาทำละครเวที เราเจอคนที่ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร เราเจอคนที่สนใจประวัติศาสตร์ แต่ไม่ได้คิดว่าจะเอาไปทำอะไรต่อในชีวิต แต่ผมไม่อยากให้มองว่าคนพวกนี้ไม่มีเป้าหมายในชีวิต มันแค่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นคนยืดหยุ่นขนาดไหน เขายอมเสียเวลาสี่ปีกับเรื่องตรงนี้ แต่ก็พร้อมจะไปค้นหาหนทางของตัวเองในอนาคตต่อไป
ทู :วิชาที่ชอบเรียนมากที่สุดกลับเป็นวิชาปัญญาญี่ปุ่น (หัวเราะ) ไม่รู้สิ มันเป็นวิชาเลือกที่ทำให้รู้จักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นว่ามันเริ่มมาจากไหน มันทำให้เราเริ่มอินประวัติศาสตร์ เวลาไปเที่ยวก็สนุกมากขึ้น




SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา