สูตร น้ำเก๊กฮวย สมุนไพรชื่นใจคลายร้อน

อากาศร้อนๆ บ้านเรา ต้องพึ่งเครื่องดื่มที่กินแล้วชื่นใจ แล้วแก้เรื่องลมแดดได้ดีก็คงไม่พ้น น้ำเก๊กฮวย หวานๆ ชื่นใจ ทำง่ายสุดๆ

สูตร น้ำเก๊กฮวย สมุนไพรชื่นใจคลายร้อน

ส่วนผสม

  • ดอกเก๊กฮวยแห้ง 10 ดอก
  • น้ำเปล่า 1 ลิตร
  • น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำแข็ง 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ล้างดอกเก๊กฮวยให้สะอาด
  2. ต้มให้ให้เดือด จากนั้นก็ใส่ดอกเก๊กฮวยลงไป ต้มประมาณ 2-5 นาที
  3. จากนั้นให้กรอกเอาแต่น้ำด้วยผ้าขาวบาง แล้วพักไว้ให้เย็น
  4. เติมน้ำตาล หวานมากหวานน้อยตามชอบ
  5. ตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทน้ำเก๊กฮวยเสิร์ฟเแบบเย็นๆ ชื่นใจ

10 เรื่องควรรู้! ที่คุณทำได้เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น

10 เรื่องควรรู้! ที่คุณทำได้เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมาเที่ยวประเทศนี้สักครั้ง หรือตอนนี้คุณกำลังเตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตอยู่ละก็ ต้องห้ามพลาด!! มาติดตาม 10 เรื่องควรรู้! ที่คุณทำได้เมื่อไปญี่ปุ่น รู้ไว้จะได้ไม่พลาด!!! เกริ่นมาแบบนี้ อยากรู้แล้วใช่ไหมละว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน…

1. ชักโครกมีปุ่มเสียงดนตรี

เมื่อต้องทำธุระในห้องน้ำ แต่เกรงใจห้องข้างๆเพราะกลัวเสียงไม่พึงประสงค์จะเล็ดรอดออกไป “กดปุ่มสัญญลักษณ์รูปตัวโน๊ต” จะมีเสียงเพลงบ้าง, เสียงน้ำไหลบ้าง เพื่อกลบเสียงอย่างอื่นได้อย่างดี แถมปรับระดับความดังได้ด้วย

2. ถ้วยสำหรับใส่กาแฟแบบ take away

ทานข้าวเสร็จแล้ว บางท่านอยากทานกาแฟแต่ทานไม่ทัน ต้องรีบไป แทบจะทุกโรงแรมจะมีถ้วยกาแฟพร้อมฝาปิดอย่างดี สำหรับ take away ถือออกไปทานได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อกาแฟข้างนอกอีก แถมถ้วยกาแฟก็เป็นถ้วยอย่างดี ถือไม่ร้อนมือ ฝาปิดหนาแน่นมากไม่ต้องกลัวหกเลย

3. ปวดห้องน้ำระหว่างทาง ทำยังไง?

ถ้าเป็นบ้านเราก็ต้องแวะปั๊มขอเข้าห้องน้ำ แต่ที่ญี่ปุ่นเราสามารถเข้าห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อได้เลย (ปั๊มที่นี่ไม่มีห้องน้ำให้เข้านะคะ No No ค่ะ อย่าเผลอไปหาห้องน้ำในปั๊มเชียว) ตามร้านมินิมาร์ทเช่น 7-11, Seicomart, Lawson เดินเข้าไปเข้าห้องน้ำได้เลยจ้า

4. ฟรี wi-fi ทุกที่

ยังคงเป็นเรื่องยอดฮิตที่จะไม่เขียนไม่ได้ เดินไปตามร้านต่างๆ ร้านอาหารต่างๆ จะพบเจอป้าย Free wi-fi ได้ง่ายๆ พอๆ กับร้านเซเว่นเลย

5. วัฒนธรรมการส่งแขก

เมื่อมาต้องต้อนรับ กลับต้องร่ำลา ไม่ว่าจะไปซื้อของตามห้างร้าน, ไปพักตามโรงแรมต่างๆ หรือแม้แต่ไปทานข้าวที่ร้านอาหาร การส่งแขกของญี่ปุ่นพบเห็นได้บ่อยมาก โดยเจ้าหน้าที่ที่ร้านจะออกมายืนโบกมือบ๊ายบายคุณอย่างน่ารัก จนกว่าคุณจะลับสายตากันเลยทีเดียว

6. น้ำเปล่าทานจากก๊อกได้เลย

ขึ้นชื่อเรื่องความสะอาด ปลอดภัย หิวน้ำก็ทานจากก๊อกได้เลยจ้า เค้าบอกไม่ต้องกลัวจะไม่สะอาดนะ รับรอง ปลอดภัยแน่นอน แถมบางโรงแรมที่ไปพักก็ไม่มีน้ำเปล่าให้ เราต้องซื้อเอง หรือ ไม่ก็กดทานจากก๊อกน้ำเนี่ยแหล่ะได้เลย! หรือถ้าโรงแรมไหน ติดสติ๊กเกอร์รูปขวดน้ำไว้ลักษณะนี้ สามารถทานน้ำได้ฟรี 1 ขวดค่ะ

7. ห้องพักที่ญี่ปุ่นคิดราคาเป็นต่อคน

ถึงแม้ห้องพักที่กว้างใหญ่เพียงใด หากตอนจองเราระบุว่าเข้าพัก 1 ท่าน ราคาห้องพักก็จะเป็นราคาสำหรับ 1 ท่าน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในห้องเช่น ผ้าเช็ดตัว, รองเท้าสลิปเปอร์ใส่เดินในห้อง, อุปกรณ์ในห้องน้ำ แปรงสีฟัน, หมอน ผ้าห่ม เค้าก็จะเตรียมไว้ให้เพียงแค่ 1 ชุดเท่านั้นจ้า ถ้าจองไว้ 1 ท่าน แต่เข้าพัก 2 ท่าน หากทางโรงแรมรู้อาจถูกปรับได้

8. ตู้กดบุหรี่ ถึงเห็นตั้งอยู่ก็กดไม่ได้
ถ้าอายุไม่ถึง 18 ปี!

นอกจากตู้เครื่องดื่มที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุมของญี่ปุ่นแล้ว เชื่อว่าใครหลายคนต้องเห็นตู้กดบุหรี่ เรียงรายตามถนนหนทาง เคียงคู่กับตู้กดน้ำอย่างแน่นอน ทั้งๆที่ตั้งอยู่ในที่สาธารณะ แต่อยู่ดีๆ จะไปกดไม่ได้ ต้องแสดงบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าเราอายุเกิน 18 ปี โดยจะมีที่ให้สแกนบัตรก่อน

9. ทิชชู่ทิ้งลงชักโครกได้เลย

หลังจากทำธุระเสร็จในห้องน้ำ นอกจากมีปุ๋มกดทำความสะอาดถ่ายหนักถ่ายเบา และปุ่มเสียงเพลงตัวช่วยลดความอายในห้องน้ำญี่ปุ่นแล้ว การใช้ทิชชู่บ้านเขา หลังจากใช้เสร็จแล้ว ไม่ต้องทิ้งลงถังขยะ แต่สามารถทิ้งลงชักโครกกดน้ำได้เลย “ไม่ผิด” เพราะทิชชู่บ้านเขาย่อยสลายง่าย แถมถังขยะที่มีอยู่ภายในห้องก็เล็กๆ น่ารัก

10. สะสมตราประทับในสถานที่ท่องเที่ยว

บอกเลยว่าใครกำลังไปเที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะสถานที่เที่ยวตามต่างจังหวัดของ เขามีตราประทับไว้ให้สะสม ดังนั้นอย่าลืมพกสมุดแบบไม่มีเส้น ปกสวยๆ ไว้ไปตามล่าตราประทับมาเก็บไว้เป็นที่ระลึกกัน แต่ละลายนั้น บ่งบอกเอกลักษณ์ของสถานที่นั้นๆ ได้อย่างสวยงาม

10 ที่เที่ยวเดือนกันยายน ออกไปสัมผัส ความสวยงามที่มาพร้อมฝน

เดือนกันยายน ยังคงอยู่ในช่วงหน้าฝน แถมตกหนัก ตกเกือบทุกวันซะด้วย อย่างนี้จะออกไปเที่ยวไหนได้ …Travel Mthai ขอนั่งยันนอนยันว่ามีที่ให้ไปแน่นอน เพราะหน้าฝนมักซ่อนสิ่งสวยงามทางธรรมชาติไว้รอให้เราไปค้นพบอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหุบเขา ต้นไม้ ทุ่งข้าว ลำธาร หรือทะเลหมอก ตามเรามาสิ รับรองว่าฟินทุกที่แน่นอน

10 ที่เที่ยวเดือนกันยายน ออกไปสัมผัส
ความสวยงามที่มาพร้อมฝน

 

1. อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง (ปางอุ๋งสุพรรณ)
จ.สุพรรณบุรี


แค่ได้ยินชื่อปางอุ๋ง ก็นึกถึงภาพของสายหมอกยามเช้าที่ลอยระเรื่อเหนืออ่างเก็บน้ำ กับวิวต้นสนเรียงเป็นทิวแถว เป็นสถานที่ท็อปฮิตที่ใครก็ยินยอมนั่งรถฝ่าฟันหลายพันโค้งเพื่อไปชื่นชมความสวยงาม แต่ถ้าใครไม่อยากเดินทางไกล ก็สามารถมาเที่ยว อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง จังหวัดสุพรรณบุรี แทนกันได้ ที่นี่ได้ฉายาว่า ปางอุ๋งสุพรรณ ด้วยความสวยงามตามธรรมชาติ มีทั้งป่าเขาและผืนน้ำ อันเกิดจากความร่วมมือของชุมชน ช่วยกันพัฒนา และดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวแบบเรียบง่าย และเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เหมาะกับการแค้มปิ้ง กางเต้นท์ หรือจะนอนบนแพ ก็มีให้บริการ

 2. เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์


หากถามว่าเที่ยวเขาค้อฤดูกาลไหนสวยที่สุด คงต้องตอบว่าหน้าฝนนี่แหละสวยที่สุดแล้ว มีความความเขียวสดของดอกไม้ ต้นหญ้า  มีหมอกขาวลอยฟุ้งปกคลุมทั่วทิวเขา มีอากาศเย็นสบายและความสดชื่นหลังฝนตก จนใครต่อใครก็พูดกันว่า “นอนเขาค้อ 1 วัน อายุยืน 1 ปี” จะจริงมั้ย ต้องลองมาพิสูจน์เอง

ทุ่งกังหันลม คือหนึ่งในแลนด์มาร์คของเขาค้อที่เพื่อนๆ ควรแวะมา วิวที่เห็นเป็นทุ่งกังหันลมยักษ์ใหญ่ ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาสูง สามารถมองไปได้กว้างไกลถึงวัดผาซ่อนแก้ว นอกจากนี้ยังมีเหล่าบรรดาเทเลทับบี้ และทุ่งดอกไม้ให้ถ่ายรูปแบบใกล้ชิดกันอีกด้วย

3. นาขั้นบันได จ.เชียงใหม่


นาขั้นบันได นาข้าวที่ปลูกลดหลั่นไปตามไหล่เขา  เป็นอีกหนึ่งวิวสวยขั้นเทพ ไฮไลท์ของที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาชมความงามอยู่เสมอ ช่วงหน้าฝนซึ่งเป็นฤดูทำนาข้าว เดือน ก.ย. – ต.ค. ต้นข้าวจะเริ่มเขียวขจีชุ่มฉ่ำ เคล้าสายหมอกบางๆในฤดูฝน

นาขั้นบันไดในจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีด้วยกันหลายที่ เช่น

  • นาข้าวขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันไดบ้าน กองกาน อ.แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันได แม่ปาน อ.แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันได บ้านตีนผา อ. แม่แจ่ม
  • นาข้าวขั้นบันได แม่กลางหลวง อ.จอมทอง
  • นาข้าวขั้นบันได บ้านผาหมอน
  • นาข้าวขั้นบันได โครงการหลวงขุนแปะ อ.จอมทอง
  • นาข้าวขั้นบันได บ้านแม่ระมีดน้อย อ.อมก๋อย

4. นาข้าวขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ จ.น่าน
 
อีกหนึ่งนาข้าวขั้นบันได ที่อยากแนะนำให้มาเที่ยวในฤดูฝน ระหว่างเดือน ก.ย. –  ต.ค. จากภูเขาหัวโล้นในอดีต แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยูหัว ที่แห่งนี้จึงกลายเป็นความเขียวขจี ด้วยนาข้าวที่มีลายเส้นโค้งงดงามตามไหล่เขา เป็นความพิเศษที่เราจะสามารถเห็นนาข้าวที่ปลูกบนภูเขาสูงเทียมเมฆเคียงคู่กับท้องฟ้า นอกจากนี้ยังสามารถชมทะเลหมอกอันสวยงามในยามเช้าที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดอีกด้วย

5. เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี


เขื่อนรัชชประภา หรือที่เรียกกันติดปากว่า กุ้ยหลินเมืองไทย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาสก ทัศนียภาพโดยทั่วไปภายในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน มีทัศนียภาพที่สวยงามมาก มีลักษณะเป็นเขาหินปูนที่ยอดเขาตั้งฉากกับผืนน้ำสีเขียวมรกต คล้ายกับผืนน้ำทะเล สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะมีลักษณะเป็นเขื่อนปิด เเต่หน้าฝนจะมีหมอกเยอะลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือเขาหินปูน ดูสวยชุ่มฉ่ำ การมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับมันคงให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนกินลอดช่องไม่ใส่กะทิ ดังนั้นการได้พักค้างคืนที่นี่ ดูจะเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลของการมาพักผ่อนแบบเต็มที่อย่างที่สุด

6. หมู่บ้านสลักคอก เกาะช้าง จ.ตราด


หมู่บ้านสลักคอก เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของเกาะช้าง หรือเกาะช้างฝั่งซ้าย หลบซ่อนอยู่ในช่องแคบๆ ภายในเวิ้งวงกลมขนาดใหญ่คล้ายคอกสัตว์ ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยคือ การนั่งเรือมาด เรือแจวลำเล็กที่เรียกกันว่า เรือกอนโดลา เพราะคล้ายกับการนั่งเรือชมคูคลองในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี  เพียงแต่แปลงมาใช้เป็นเรือพายพานักท่องเที่ยวล่องชมธรรมชาติรอบอ่าวสลักคอก

7. ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ จ.อุทัยธานี


ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ที่เที่ยวใหม่แกะกล่อง แห่งอำเภอบ้านไร่ อุทัยธานี เดิมเป็นฝายปูนกั้นน้ำธรรมดาๆ ไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ไฮไลท์ที่ทำให้ฝายแห่งนี้พิเศษขึ้นมานั้น คือช่วงหน้าฝนน้ำจะไหลเอ่อล้นจากบนลงล่าง กลายเป็นม่านน้ำตกขนาดเล็ก โดยมีหุบเขาและพื้นหญ้าเขียวชะอุ่มห้อมล้อมอยู่เป็นฉากหลัง ทำให้ภาพที่ออกมานั้นสวยงามมาก และเรายังสามารถลงไปสัมผัสความเย็นสดชื่นของสายน้ำได้อย่างสนุกสนานอีกด้วย

8. จุดชมวิวดอยกิ่วลม จ.แม่ฮ่องสอน


จุดชมวิวดอยกิ่วลม มีความสูงประมาณ 2,175 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดชมวิวนี้สามารถชมได้ทั้งสองฟากถนน มีทัศนียภาพที่สวยงามและหลากจินตนาการของทิวเขาที่สลับซับซ้อนของยอดดอยเชียงดาว มีเมฆขาวสลับกันสวยงาม มีร้านขายของอาคารขายสินค้าของพี่น้องชาวเขาเผ่าลีซอ มีสินค้าหัตถกรรม และสินค้าอื่น ๆ วางขายบริการแก่นักท่องเที่ยว

9. หล่มภูเขียว จ.ลำปาง


หล่มภูเขียว แอ่งน้ำขนาดใหญ่อยู่บนภูเขา ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท มีลักษณะคล้ายปล่องภูเขาไฟ น้ำในแอ่งลึกมากจนมองเห็นเป็นสีเขียว คล้ายสีมรกต  เป็นแหล่งอาศัยของปลาจำนวนมาก บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบแล้ง ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันที่เกิดจากภูเขาหินปูน ปกคลุมร่มรื่นด้วยเงาจากต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศแสนสงบบวกกับความเรียบนิ่งของผิวน้ำ เหมือนสรวงสวรรค์บนดิน ที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย

10. นาโปแก จ.พัทลุง


อันดับสุดท้ายลงใต้ไปสูดโอโซนที่ นาโปแก จังหวัดพัทลุง เดินชิลล์บนสะพานไม้ นั่งถ่ายรูปที่กระท่อมปลายนา จิบกาแฟแลท้องทุ่ง เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันเขียวขจีของธรรมชาติ และขยับร่างกายออกกำลังสักนิด ด้วยการทำเวิร์คช็อป ตั้งแต่การเกี่ยวข้าว ไถนา ดำนา เลี้ยงควาย ขุดบ่อปลา โอ้โห ทั้งสนุกแถมได้ความรู้เต็มๆ