10 ที่เที่ยว เดือนพฤษภาคม ส่งท้ายหน้าร้อน รับไอฝนสุดสดชื่น

10 ที่เที่ยว เดือนพฤษภาคม
ส่งท้ายหน้าร้อน รับไอฝนสุดสดชื่น

เผลอแป๊ปเดียว วันเวลาก็เวียนมาถึงเดือนที่ 5 ของปีซะแล้ว ใครที่รู้สึกว่ายังเที่ยวปีใหม่ สงกรานต์ ไม่หนำใจเลย งั้นเราไปลุยกันต่อ กับ 10 ที่เที่ยว เดือนพฤษภาคม มาส่งท้ายหน้าร้อน และรอรับไอฝนสุดสดชื่นกัน จะมีแหล่งท่องเที่ยวไหนโดนใจเพื่อนๆ หรือยังไม่เคยไปกันบ้าง หรือเปล่านะ

  1. อุทยานธรณีสตูล จ.สตูล

เพิ่งได้รับการประกาศจาก UNESCO เป็นอุทยานธรณีโลก ไปหมาดๆ สำหรับ อุทยานธรณีสตูล ที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแนวผจญภัย เช่น ล่องแก่ง ดำน้ำ เที่ยวถ้ำ การท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจที่น้ำตก ชายหาด รวมถึงเลือกซื้อของฝากผลิตภัณฑ์ชุมชน และสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น

***********************************************************

  1. โลมาสีชมพู หาดขนอมจ.นครศรีธรรมราช

ขอบคุณรูปภาพจาก : เที่ยวขนอม ชมปลาโลมาสีชมพู สักการะหลวงปู่ทวด

ชม “ฝูงโลมา” ที่จะสามัคคีชุมนุมกันกลาง “เกาะผี” ที่มีลักษณะเป็นร่องน้ำลึกทางช่องรูเล็ต จุดเหนือสุดของทะเลขนอม โลมาชมพูที่ หาดขนอม ถือว่าชุมเป็นพิเศษ ถึงขนาดที่ว่าบางส่วนว่ายหลงไปไกลถึงแหลมสมิหลาก็เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ถ้าโชคดีหน่อยสำหรับคนมีเวลาตั้งใจเฝ้า ก็อาจจะเจอโลมาปากขวด และโลมาอิรวดีกระโดดเริงร่าขึ้นมาทักทายด้วย

***********************************************************

  1. เทศกาลบุฟเฟ่ต์ผลไม้ จ.ระยอง และ จ.จันทบุรี

เริ่มต้นแล้ว กับ เทศกาลผลไม้ แห่งภาคตะวันออก ทั้งจังหวัดระยองและจันทบุรี ซึ่งมีมากมายหลายสวน ให้คุณเลือกลิ้มลองกันอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นราชาผลไม้อย่างทุเรียน หรือราชินีอย่างมังคุด รวมถึง เงาะ ลองกอง ลางสาด สละ ระกำ สับปะรด แก้วมังกร องุ่น ลำไย ฯลฯ

***********************************************************

  1. ฤดูชมผีเสื้อ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

ขอบคุณรูปภาพจาก : iamnikon-iamnikon

เทศกาลดูผีเสื้อ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จะเริ่มตั้งแต่ กลางเดือนเม.ย.- มิ.ย. ของทุกปี เมื่ออากาศร้อนจัด และแหล่งน้ำเริ่มแห้งเหือด บรรดาเหล่าผีเสื้อนานาชนิด จะพากันมาหากินเกลือตามดินโป่ง หรือแหล่งน้ำแฉะๆ มากมาย จนบางครั้งก็อาจพบการอพยพของฝูงผีเสื้อ นับแสนตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งจุดชมผีเสื้อของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่สามารถพบเห็นฝูงผีเสื้อที่บินไป มานับพันตัวได้ คือ แคมป์บ้านกร่าง ซึ่งที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์ กว่า 200 ชนิด

***********************************************************

  1. เกาะเต่า-เกาะนางยวน จ.สุราษฎ์ธานี

“เกาะเต่า” และ “เกาะนางยวน” 2 เกาะกลางท้องทะเลอ่าวไทย ที่ธรรมชาติได้บรรจงแต่งให้มีหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีคราม ใส ตามระยะความลึก และยังอุดมไปด้วยธรรมชาติทางทะเลที่ดึงดูดนักดำน้ำจากทั่วโลกให้มาดำดิ่ง ดูปะการังและฝูงปลาหลากสีสัน นากจากนั้น การได้ปีนเขาชมวิวจากมุมสูง มองเห็นหาดทรายขาวโพลนตัดกับน้ำทะเลสีมรกตเชื่อมเกาะทั้งสามบนเกาะนางยวน ยิ่งยืนยันว่า ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ของนักดำน้ำเท่านั้นเสียแล้ว

***********************************************************

  1. จุดชมวิวเขาแดง
    อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

จุดชมวิวเขาแดง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขาสามร้อยยอดและท้องทะเลอ่าวไทยแบบ 360 องศา ยิ่งถ้าขึ้นไปช่วงเช้าหรือเย็น ๆ จะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก แต่การขึ้นไปพิชิตจุดชมวิว ต้องอาศัยความอดทนพอควร เพราะทางเต็มไปด้วยเนินโขดหินสลับซับซ้อนที่มีความแหลมคม ควรเดินอย่างระมัดระวัง

***********************************************************

  1. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก

ขอบคุณรูปภาพจาก : เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ตั้งอยู่ที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นอ่างเก็บน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่พัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ มีซุ้มไม้ไผ่ แคร่ ไว้นั่งห้อยขาแช่น้ำเย็นๆ มีแพเล่นน้ำ พร้อมห่วงยางให้เช่า และร้านอาหารตั้งเรียงรายคลายหิว ส่วนใครอยากช้อปปิ้ง ก็มีเสื้อผ้าสวยๆ ให้เลือกซื้อมากมาย โดยจะเปิดน้ำเข้าเขื่อนและให้เข้ามาเที่ยวได้เพียง 3 เดือน สำหรับปีนี้เปิดถึง 31 พค. 61 เท่านั้น

***********************************************************

  1. ประเพณีบุญบั้งไฟ จ.ยโสธร

ภาพจาก : amazingthailand

วันที่ 9-13 พฤษภาคม 2561 พบกับ งานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นั่นคือ ประเพณีบุญบั้งไฟ จ.ยโสธร ที่จัดขึ้นสืบทอดต่อกันมา เพื่อเป็นการบูชา บวงสรวง ‘พญาแถน’ เทพเจ้าแห่งฝนของชาวอีสาน ให้ปล่อยฝนตกลงมา เพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการทำเกษตรกรรม โดยขบวนแห่บั้งไฟจะมีไปตลอดแนวถนนแจ้งสนิท เขตเทศบาลเมืองยโสธร จนถึงลานวิมานพญาแถน (อาคารพญาคันคาก) และสวนสาธารณะพญาแถน

ขอบคุณรูปภาพจาก : คนยโสธร

***********************************************************

  1. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

ขอบคุณรูปภาพจาก : thailandscanme

อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ขึ้นชือว่าเป็นอุทยานที่สวยที่สุดของของจังหวัดเพชรบูรณ์และชัยภูมิ สามารถมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น จุดชมทิวทัศน์ถ้ำผาหงษ์ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ภายในมีช่องหลืบแคบๆ ซับซ้อน มีหินงอกหินย้อยสวยงาม เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวหลายชนิด และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก หากใครอยากชมภาพดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ต้องมาที่ จุดชมทิวทัศน์ภูค้อ สามารถมองเห็นผืนป่าสวนสนภูกุ่มข้าวสลับกับป่าดงดิบ โดยมีฉากหลังเป็นภูกระดึงและภูผาจิต และสำหรับใครที่ชอบเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ขอแนะนำเส้นทาง สวนสนบ้านแปก ซึ่งในเดือน กุมภาพันธ์-พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่กล้วยไม้ป่าและพันธุ์ไม้หลายชนิดออกดอกพอดี

***********************************************************

  1. หนองน้ำครก บ้านม่วงตึ๊ด จ.น่าน

ความจริงแล้ว หนองน้ำครก สามารถมาเที่ยวได้ทุกเดือน เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดน่าน ในหมู่บ้านม่วงตึ๊ด เดิมเป็นป่าไมยราบรกร้าง และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นบึงน้ำเก่า ก่อนที่ อพท. (องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน) จะเข้ามาสนับสนุนให้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน ไฮไลท์ก็คือ สะพานไม้ไผ่ หรือ ขัวแตะ ที่สร้างยื่นยาวออกไปกลางบึง เชื่อมระหว่างพื้นที่บนเกาะ 5 เกาะ และแต่ละเกาะจะมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่น พร้อมศาลาริมน้ำไว้นั่งพักเหนื่อย

จะไปดำน้ำดูปะการัง ลงแช่น้ำจืด ชมวิวบนผา ลอดถ้ำผจญภัย เที่ยวงานประเพณี แล้วตะลุยกินผลไม้ เราก็จัดสรรมาให้เลือกครบหมด แม้ฝนอาจตกเฉอะแฉะไปบ้าง แต่ธรรมชาติหน้าฝนนี่แหละ ที่สดชื่นที่สุดเลย

 

ชัยนาท จังหวัดเล็กๆ ที่ไม่ใช่แค่ทางผ่าน

ชัยนาท จังหวัดเล็กๆ ที่ไม่ใช่แค่ทางผ่าน

01

ชัยนาท จังหวัดบนภาคกลางตอนบนที่มีความอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เพราะเป็นเมืองหน้าด่านทางด้านใต้ และกลายมาเป็นเมืองหน้าด่านทางเหนือในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยในอดีตนั้นชัยนาทมีชื่อว่าเมืองแพรก จนกระทั่งในสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นชัยนาท

โดยตามตัวแล้วชัยนาทมีความหมายว่า ชัยชนะที่มีชื่อเสียงบันลือ เพราะในอดีตชัยนาทเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เคยใช้เป็นที่ตั้งรับศึกพม่าหลายครั้ง และมีชัยชนะทุกครั้งไป แต่ถึงแม้ชื่อจังหวัดจะดูดุดันห้าวหาญ แต่แท้จริงแล้วชัยนาทเป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว ผู้คนอบอุ่นเป็นมิตร และปลอดภัยจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยเลยทีเดียว

01

เมื่อได้ชื่อว่าเป็นเมืองสำคัญตั้งแต่สมัยสุโขทัย ทุกวันนี้จังหวัดชัยนาทจึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นวัดพระบรมธาตุวรวิหาร พระอารามหลวง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น โดยในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีเทศกาลสมโภชพระบรมธาตุเป็นประจำทุกปี

02

อีกวัดที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือ วัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือวัดหลวงปู่ศุข ที่ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาในด้านความศักดิ์สิทธิ์ของวิชาอาคม และเครื่องรางของขลัง

วัดกรุณา อีกหนึ่งวัดสำคัญที่ชาวชัยนาทนับถือกันมาก เพราะเป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธมหาศิลา หรือหลวงพ่อหินใหญ่ ซึ่งนับเป็นพระพุทธรูปศิลาทรายที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด และอีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ควรแวะไปเยี่ยมชมคือ เมืองอู่ตะเภา เมืองโบราณสมัยทวาราวดีที่มีอายุเก่แก่นับพันปี ปัจจุบันยังคงมีคันคูเมืองปรากฎให้เห็นเด่นชัด

03

04

05

นอกจากจะเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแล้ว ปัจจุบันชัยนาทยังมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว สินค้าหัตถกรรม และการเกษตร ตามคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา”

โดยเฉพาะกับ สวนนกชัยนาท ที่นับเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของจังหวัด โดยบนพื้นที่ราว 248 ไร่นั้น สวนนกชัยนาทนั้นได้ชื่อว่าเป็นสวนนกที่มีกรงนกใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์นกที่หลากหลาย แถมยังมีอาคารแสดงพันธุ์ปลาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลอง และหุ่นฟางนกสวยงามอีกมากมาย

06

07

08

09

และเมื่อได้ชื่อว่าเป็นเมืองริมน้ำ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรแวะไปเยี่ยมชมคือ เขื่อนเจ้าพระยา ซึ่งนับเป็น เขื่อนขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศ ที่ให้เรือขนาดใหญ่ผ่านเข้าออกได้

ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนของทุกๆ ปี จะมีฝูงนกเป็ดน้ำเป็นจำนวนหมื่นๆ ตัว มาอาศัยหากินอยู่ในแม่น้ำบริเวณเหนือเขื่อน อีกแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่สวยงามไม่แพ้กันคือ บึงกระจับใหญ่ ที่มีเกาะเมืองท้าวอู่ทอง เกาะกลางน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งเด่นอยู่กลางบึง

โดยที่บึงแห่งนี้นับเป็นจุดชมนกเป็ดน้ำ และนกในตระกูลนกปากห่างที่สำคัญของประเทศ การได้นั่งเรือชมฝูงนกยามเย็นที่พระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้านั้น นับเป็นภาพแห่งความงดงามประทับใจที่หาดูไม่ได้ในจังหวัดอื่น

10

อีกหนึ่งของดังของจังหวัดชัยนาทที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ ส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ส้มโอรสชาติดี มีผลกลม ผิวเรียบ เปลือกบาง รสหวานกรอบอมเปรี้ยวนิดๆ ไม่มีรสขม

ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนกันยายน  ซึ่งเป็นช่วงฤดูส้มโอ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดมักจะมีกิจกรรมประกวดส้มโอ และการออกร้านจำหน่ายส้มโอจากเกษตรกรชาวชัยนาท ซึ่งหากใครต้องการชิมความอร่อยของส้มโอแล้ว ช่วงเวลานี้นับเป็นช่วงเวลาห้ามพลาด

11

และท้ายที่สุด ด้วยความที่จังหวัดชัยนาทนั้นเป็นเส้นทางผ่านสู่ภาคเหนือที่สำคัญ ทางจังหวัดจึงได้มีการจัดทำโครงการวัฒนธรรมความปลอดภัยให้กับชาวชัยนาท โดยเน้นย้ำ และรณรงค์เรื่องการขับขี่รถยนต์ด้วยความระมัดระวังและปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยว และผู้ใช้ทางได้เกิดสำนึกเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน

รวมไปถึงน้ำใจไมตรีที่ควรหยิบยื่นให้กันเพื่อให้จังหวัดชัยนาทเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่หากเรามองให้ลึกถึงรายละเอียดความเป็นมา รากเหง้าวัฒนธรรม และความห่วงใยที่จัหวัดชัยนาทมีให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว ต้องนับว่าชัยนาทเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มีหัวใจด้านการท่องเที่ยวอันยิ่งใหญ่ไม่แพ้จังหวัดใดในประเทศไทยเลยทีเดียว

เรียบเรียงโดย : Travel MThai

 

 

 

 

 

 

 

 

จูงมือกันเที่ยว!! 20 แหล่งท่องเที่ยวสุดคุ้มค่าและมาแรงที่สุดแห่งปี

จูงมือกันเที่ยว!! 20 แหล่งท่องเที่ยวสุดคุ้มค่าและมาแรงที่สุดแห่งปี

01

ประเทศไทย (บ้านของเรา) เป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรต่างๆ มีวัฒนธรรมและประเพณีที่สวยงามน่าหลงใหล ที่สำคัญยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามให้เราได้ออกไปได้ค้นหา จนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้อย่างมากมาย ยิ่งในช่วงสิ้นปีแบบนี้ หลายคนคงกำลังคิดว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนดี เพราะในบ้านเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเหลือเกิน เราจึงรวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวสุดคุ้มค่าและมาแรงที่สุดไว้ให้แล้ว

  1. สวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์สถานที่อนุรักษ์และรวบรวมพรรณไม้ต่างๆอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
  2. ดอยตุง ทรีท๊อปวอล์ค สวนแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงรายสถานที่วัดใจคนกลัวความสูง

02

  1. หมอกบางๆ ยามเช้า ณ ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์

03

  1. “เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุข… พายผ่านได้บ้าง ตกน้ำบ้าง ก็สนุกดี…”ล่องแก่งคลองลำโลน อ.ละงู จ.สตูล
  2. “กันตัง” สถานีรถไฟสุดท้ายของชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ตรัง

04

  1. ล่องเรือชมสองฝั่งไทย-ลาวยามเย็นอ.เมือง จ.นครพนม
  2. งดงามอลังการกับสถาปัตยกรรมในสมัยรัชกาลที่ 9 ณ วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย
  3. นั่งแพยามเช้าผ่านสายหมอก โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จ.แม่ฮ่องสอน

05

  1. “ประเทศไทยก็มีต้นสนเหมือนเกาะเชจูประเทศเกาหลีนะ” สถานีทดลองปลูกพันธุ์ไม้บ่อแก้ว จ.เชียงใหม่
  2. ซากุระเมืองไทย ดอกนางพญาเสือโคร่ง จ.น่าน

06

  1. ลอยทะเล… ที่พีพีเลลากูน หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่

07

  1. มินิทะเลแหวก เกาะผักเบี้ย หนึ่งในจุดแวะเที่ยว one day trip เกาะห้อง จ.กระบี่
  2. “สะพานมอญ” สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

08

  1. น้ำสีเขียวใสมรกตกับเหล่าฝูงปลา ณน้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี
  2. ป่าโกงกาง 100 ปี ความเขียวขจีของป่าชายเลน ณ วณอุทยานปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
  3. ทุ่งทะเลบัวแดงบานรับแสงแดดยามเช้าอ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี

09

  1. ขึ้นภูทอกชมทะเลหมอกยามเช้า ณเชียงคาน จ.เลย
  2. ชาร์ตแบตฯ เติมพลังที่เกาะกูด จ.ตราด
  3. “เกาะล้าน” ฟ้าสวย ทะเลใส ใกล้กรุงเทพฯจ.ชลบุรี

10

  1. “วัดโพธิ์” เป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทยถึง 99 องค์ จ.กรุงเทพมหานคร

11

หวังว่าความสวยงามของบ้านเราจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาใจให้ใครหลายๆ คนที่ยังมีพอแรง มีเวลา ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปสัมผัสกับสิ่งสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหารการกิน รวมถึงวิถีชีวิตชุมชนที่แสนน่ารักและอบอุ่น….

ขอบคุณข้อมูลจาก: นิตยสารคู่หูเดินทาง ฉบับเดือนธันวาคม 2016 และ Travel MThai