พร้อมเปิด Jewel Changi Airport ห้างหรูแห่งใหม่ ใกล้ในสนามบินประเทศสิงคโปร์, 17 เมษายน นี้

สนามบินนานาชาติชางงีแห่งประเทศสิงคโปร์ พร้อมเปิดตัว Jewel Changi Airport ห้างหรูแห่งใหม่ใกล้ในสนามบิน ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ 17 เมษายนนี้

Jewel Changi Airport ห้างหรูแห่งใหม่ ใกล้ในสนามบินประเทศสิงคโปร์ วันที่ 17 เมษายน นี้

สนามบินนานาชาติชางงีแห่งประเทศสิงคโปร์พร้อมเปิดห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ใกล้สนามบิน Jewel Changi Airportสถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบคลุมหลากหลายมิติ ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2562เป็นต้นไป

เตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 17เมษายนนี้แล้ว กับ JewelChangi Airport หรือ Jewelไลฟ์สไตล์เดสทิเนชั่นแห่งแรกของสิงคโปร์ที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ และความสนุกสนาน เข้ากับห้างสรรพสินค้าได้อย่างลงตัว ด้านในจะมีร้านค้าและร้านอาหารกว่า280ร้านและกว่า 60%ของจำนวนร้านทั้งหมดล้วนเป็นแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยเปิดให้บริการที่ชางงีมาก่อน และอีก 30%จะเป็นร้านบริการอาหารและเครื่องดื่ม รับรองได้ว่าทุกคนที่มาเยี่ยมเยือนจะได้รับประสบการณ์การช็อปปิ้ง ในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน

Jewel เป็นอาคารรูปโดมดีไซน์สะดุดตาซึ่งสร้างขึ้นด้วยกระจกแก้วและเหล็ก ออกแบบโดยบริษัทออกแบบชั้นนำ Safdie Architectsที่บริหารงานโดยสถาปนิกชื่อดังของโลกอย่าง Moshe Safdieร่วมกับสถาปนิกฝีมือดีอีกมากมายจากบริษัท RSP Architects Planners and Engineers และบริษัทBenoyโดยคอนเซ็ปต์ในการออกแบบคือ การผสานกันของสวนสาธารณะและห้างสรรพสินค้าที่แปลกใหม่แต่ลงตัว ซึ่งจะเห็นได้จากสวนป่าเขียวชอุ่มForest Valleyและน้ำตก Rain Vortex อันสวยงามซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของอาคารนี้

แบรนด์ใหม่ ยกขบวนมาเยือนสิงคโปร์เป็นครั้งแรก ที่ JEWEL

หลากหลายแบรนด์ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Jewel เป็นแบรนด์ที่เพิ่งเข้ามาเปิดที่สิงคโปร์เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นที่คุ้นเคยกันดีอย่าง PokémonCenterที่มาจัดตั้งถาวรแห่งเดียวนอกญี่ปุ่น  หรือแบรนด์ร้านอาหารอย่าง Shake Shackที่มาพร้อมเมนูซิกเนเจอร์อันหลากหลายจบจากของคาวก็สามารถมาลิ้มลองของหวานได้ที่ร้านLäderachที่มาร่วมเปิดตัวใน Jewelเป็นที่แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีร้าน A&Wที่กลับมาเยือนสิงคโปร์อีกครั้งในรอบหลายปี

แบรนด์สัญชาติสิงคโปร์ที่ทุกคนหลงรัก

และในบรรดาร้านรวงที่เข้ามาเปิดที่ Jewel นั้น ยังรวมถึงแบรนด์สัญชาติสิงคโปร์แท้ ๆ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดีอย่าง Tiger Beerมาพร้อมคอนเซ็ปต์ร้าน “Tiger Street Lab” ที่จะมอบประสบการณ์สุดแปลกใหม่ให้กับเหล่านักดื่มหรือ Naiiseก็ได้มาในคอนเซ็ปต์ “Naiise Iconic” ที่แปลงโฉมจากร้านขายสินค้าเดิมๆ เป็นร้านที่เปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ด้วยกิจกรรมมากมาย หรือSupermamaและ Violet Oonซึ่งต่างก็จะมาเปิดโฉมใหม่ที่ห้างแห่งนี้เช่นกัน

นอกเหนือจากนี้ ผู้มาเยี่ยมชมยังจะได้พบกับร้านสาขาใหญ่จากอีกหลายแบรนด์ดังที่ทุกคนชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น ร้านไนกี้ (Nike) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ (Marks & Spencer) มูจิ (MUJI) ซาร่า (ZARA) ยูนิโคล่ (UNIQLO) โรงภาพยนตร์ Shaw Theatresในระบบ IMAXและซูเปอร์มาร์เก็ต FairPrice Finestที่มีสินค้ามากมายครบครัน รวมถึงมุมผลิตภัณฑ์ที่ได้คัดเลือกมาเป็นพิเศษ และพื้นที่ในการจัดงานอีเวนท์ ในส่วนของศูนย์อาหาร Five Spiceซึ่งบริหารงานโดย Food Junctionก็มีร้านอาหารชื่อดังของสิงคโปร์มากกว่า 10ร้าน อาทิ ร้าน Faai Di by Ka-Soh และร้านFu Lin Yong Tofuที่มีชื่อเสียงยาวนานมากว่า 20ปี

สำหรับสมาชิก Changi Rewardsและ CapitaStarจะได้รับสิทธิพิเศษที่เหนือกว่าอีกขั้น เพราะตั้งแต่วันที่11เมษายนเป็นต้นไป Jewelจะมอบคะแนนให้แบบคูณสองผ่านโปรแกรม Double Rewardsโดยสมาชิกที่ใช้จ่ายภายในJewel จะได้ทั้งคะแนนสะสมของ Changi Rewards และ STAR$® ทุกครั้งที่ซื้อสินค้าและบริการใน Jewel

เชิญชวนผู้เข้าชม JEWEL ใช้ระบบขนส่งมวลชน ในการเดินทาง

สนามบินชางงีมีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ สามารถให้บริการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผู้ที่ต้องการมาเยี่ยมชมอาคาร Jewel จึงสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟ หรือรถประจำทาง โดยนอกจากสถานีMRT สนามบินชางงีแล้ว ยังมีรถประจำทางให้บริการที่เทอมินัล T1, T2 และT3จำนวนมาก นอกจากนี้ T1ยังเชื่อมต่อกับ Jewel ที่บริเวณชั้น 1ของอาคารผู้โดยสารขาเข้า ส่วน T2และT3ก็เชื่อมต่อกับ Jewel ด้วยทางเดินพร้อมระบบปรับอากาศเพื่อความสะดวกสบาย

อาคารจอดรถแห่งใหม่ของ T1กับ Jewelซึ่งได้เริ่มเปิดให้บริการไปแล้วบางส่วนในเดือนพฤศจิกายน2561 จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่11 เมษายนเป็นต้นไป โดยมีพื้นที่จอดรถใต้ดิน 5 ชั้น ตั้งแต่วันที่17 เมษายนนี้เป็นต้นไป ห้องรับรองสำหรับผู้โดยสารจาก26สายการบิน ที่เช็คอินก่อนเวลา สามารถใช้บริการรับฝากสัมภาระได้ ส่วน Canopy Parkและสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของ Jewel จะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2562

เตรียมตัวไปช้อปปิ้งกันได้เลย รับรองว่าจุใจขาช้อปแน่ๆ

สิงคโปร์ จะเป็นยังไง เมื่อกลายเป็นเมืองบาดาล ใต้ท้องทะเล!

จะเป็นยังไงถ้า สิงค์โปร์ ประเทศเล็ก ๆ ใกล้บ้านเรา จมดิ่งอยู่ใต้ท้องทะเล มีมนุษย์เดินขวักไขว่ สวนทางกับฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมา ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างที่น่าตื่นตาตื่นใจ เชื่อว่านี่น่าจะเป็นโลกในจินตนาการของใครหลายคนแน่นอน

สิงคโปร์ จะเป็นยังไง เมื่อกลาย
เป็นเมืองใต้ท้องทะเล!

ศิลปินที่ชื่อว่า Sean Lee เป็นหนึ่งในนักฝันผู้เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ที่แม้ว่าสถานะทางการเงินจะไม่เอื้อให้ออกสำรวจโลกกว้างอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เขาก็สามารถสร้างโลกที่อยากเห็นได้ ผ่านโปรแกรม Photoshop

เขาค่อนข้างชื่นชอบเกาะ Sunny ของประเทศสิงคโปร์มากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงวางแผนที่จะแปลงโฉมเกาะแห่งนี้ ให้กลายเป็นภาพในจินตนาการที่เขาวาดภาพเอาไว้ และนี่คือผลงานที่น่าทึ่งของเขา

1. ORCHARD GATEWAY

2. THIAN HOCK KENG TEMPLE

 

3. LIBRARY@ORCHARD

4. BUKIT PANJANG

5. KUAN YIN THONG HOOD CHO TEMPLE

6. MARINA BAY SANDS

7. RAFFLES CITY

8. BUS

9. CHOA CHU KANG MRT/LRT STATION

10. CITY HALL MRT STATION

11. BANGKIT ROAD

12. HDB HUB

Source : boredpanda, wegointer

สถานที่เที่ยวสิงคโปร์มิติใหม่ สวรรค์เล็กๆ ของนักช้อป

เมืองเล็กๆ อย่างสิงคโปร์นั้น ต้องคิดถึงสิ่งใดเป็นอย่างแรกคะ ถ้าในมุมนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายไปสิงคโปร์ก็คงจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สวนสนุกที่พาเด็กๆ ไปเที่ยว แต่ครั้งนี้มาเยือนสิงคโปร์ในมาดของนักช้อป ภายใต้แนวคิด “Passion Made Possible” ที่เป็นขั้นกว่าของนักช้อป ให้เรียกว่า Collector หรือนักสะสม ด้วยสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าปลีกระดับโลก เป็นแม่เหล็กแผ่นใหญ่ที่ดึงนักออกแบบ ทั้งแบรนด์ดังระดับโลกและแบรนด์ท้องถิ่น เรียกได้ว่าบางอย่างก็หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน

สถานที่เที่ยวสิงคโปร์มิติใหม่ สวรรค์เล็กๆ ของนักช้อป

  1. ร้าน Je t’aime Perfumery เวิร์คชอปทำน้ำหอมในแบบของตัวเอง

ร้านน้ำหอม Je t’aime Perfumery ด้วยราคาเพียง 115 เหรียญสิงคโปร์ สามารถเข้าร่วมเวิร์คชอปเพื่อทำน้ำหอมในกลิ่นที่เป็นตัวเอง พร้อมขวดที่สลักชื่อ เป็นน้ำหอมกลิ่นเดียวแบบเดียวในโลก โดยขั้นตอนการทำ กลิ่นที่มาจากการทำการทดสอบบุคลิกภาพ เรามีบุคลิกที่ตรงกับกลิ่นไหนก็ใส่คะแนนลงไป ผสมออกมาก็จะกลายเป็นกลิ่นเฉพาะของตัวเอง

  1. Limited Edt Vault @ 313 Somerset สวรรค์ของสายสนีกเกอร์ตัวจริง

ใน 313 Somerset สถานที่ช้อปปิ้งอันโด่งดังในถนน Orchard มีร้านที่นักสะสมสนีกเกอร์ต้องมาเยือน ร้านนี้เป็นร้านบูติกที่มีรองเท้าผ้าใบชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ Limited Edt Vault ขึ้นชื่อในหมู่คนที่ชื่นชอบรองเท้าเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่จะรวมรองเท้าที่เป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น หายากมากๆ โดยแบรนด์ดังมากมายเช่น Nike, New Balance, Adidas, Vans, Puma, Reebok, converse, Sauconyเป็นต้น

ร้านนี้มีด้วยกันถึง 3 ร้าน ใน 313 Somerset โดยแบ่งเป็นแต่ละประเภท อย่าง

  • Limited Edt Underground สำหรับผู้ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบเท่ห์ๆ หายาก แต่ราคาจับต้องได้
  • Limited Edt. Vault: สำหรับรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น รองเท้ารุ่นพิเศษที่เน้นการทำ special collaboration ร่วมกันระหว่างศิลปิน รวมถึงเครื่องจำลองอินเตอร์แอคทีฟที่ทำให้ลูกค้าสามารถทดลองใส่รองเท้าคู่โปรดได้
  • Limited Edtสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาบาสเก็ตบอล สเก็ตบอร์ด และรองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิง และเด็กโดยเฉพาะ

  1. 268 Orchard ตึกสุดฮิบรวมแบรนด์สินค้าแนวสตรีทหลากหลายแบรนด์

ตึกนี้ประกอบด้วยร้านที่มีเอกลักษณ์สุดเก๋ ให้เหล่าคนที่ชื่นชอบในการแต่งตัวแนวไฮสตรีทแฟชั่น มาเก็บไอเทม อัพเลเวลกันสุดฤทธิ์ได้ที่นี่ โดยแบ่งเป็น 3 ร้าน 3 สไตล์ ได้แก่ ร้าน Surrender เป็นร้านค้าที่รวมแบรนด์สินค้าแนวสตรีทหลากหลายแบรนด์ไว้ด้วยกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่แบรนด์จากดีไซเนอร์ชั้นนำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น นิวยอร์ก และ แอลเอ

ร้าน OFF-WHITE เป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในสิงคโปร์ อยู่ใจกลางย่านถนนออร์ชาด ร้านดูมีความกว้างขวาง เรียบ ดูสะอาดตา โดยร้านตกแต่งด้วยกระจกใสโดยรอบ ประกอบด้วยผนังคอนกรีตหนา พื้นคอนกรีตขัดมัน ไฟสปอร์ตไลท์บนเพดานกว้าง ซึ่งทำให้บรรยากาศของร้านดูมีความทันสมัย

ร้าน Christian Dada เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น โดยเสื้อผ้าทุกตัวจัดวางบนราวสีเงิน มีที่นั่งทีลักษณะเหมือนก้อนหินวางไขว้กันอยู่กลางร้าน โดยดีไซน์ของเสื้อผ้าจากแบรนด์นี้ จะล้อเลียนแบรนด์ดังๆ ระดับโลก ประมาณว่าจะเสียดสีผู้คนที่คลั่งแบรนด์จนเกินไป ดีไซน์เสื้อผ้าจะดูเป็นแบบหลุดๆ ขาดๆ เกินๆ แหวกแนวกันไปเลย

  1. K+ Curatorial Space พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและผลิตภัณฑ์ดีไซน์เก๋ๆ

K+ คือพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ และ curatorial space เป็นแหล่งรวมผลงานและผลิตภัณฑ์ดีไซน์ จากผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์ และนักออกแบบจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยพื้นที่จัดแสดงผลงานด้านศิลปะจะเปลี่ยนรูปแบบและผลงานทุกๆ 6-8 สัปดาห์

และด้านใน มีพื้นที่ขายสินค้าทั้งของที่ระลึก เครื่องประดับ สินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นต้น โดยได้มีการทำงานร่วมกับแบรนด์ดังๆ ของสิงคโปร์ เช่น BooksActually, GOODSTUPH, Kinetic, Pomelo, Supermamaและ Tofu ก็มาจำหน่ายสินค้าที่นี่ นอกจากนี้ บริเวณ Retail ยังมีส่วนจัดแสดงที่เรียกว่า Noah’s Ark ที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่มีโอกาสได้แสดงผลงานของตนโดยไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ราคาแพงอีกด้วย

  1. Pedder on Scotts อาณาจักรแบรนด์สุดหรู

ไม่มีที่ไหนเหมาะกับการช้อปปิ้งแบรนด์รองเท้าสุดหรูมากไปกว่าที่ Pedder on Scotts อาทิ Alexander Wang ไปจนถึง Christian Louboutin และได้แบ่งโซนร้านค้าปลีกออกเป็น 6 โซนด้วยกัน อาทิ Pedder ที่เน้นขายรองเท้าของสุภาพสตรีและเครื่องประดับจากแบรนด์หรูชั้นนำ โซน Pedder Men ซึ่งเป็นร้านเดียวนอกเหนือจากที่ประเทศฮ่องกงที่มีโซนจัดไว้สำหรับสุภาพบุรุษโดยเฉพาะ โซน New Generation ที่วางขายแบรนด์รองเท้าแนวสตรีท โซน Weekend & Sports ที่เน้นขายรองเท้าผ้าใบแบบลำลอง และรองเท้าผ้าใบกีฬาดีไซน์ล้ำ โซน Cool Kids สำหรับเด็กแนวๆ และ Kiosks ซึ่งเป็นบริเวณที่จัดไว้สำหรับอาหารและแสดงงานศิลปะโดยเฉพาะ

  1. การตกแต่งในโซน Pedder men ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมป๊อป
    2. โซน New Generation รองเท้าแนวสตรีท มีแบรนด์อย่าง Ash และ Pedder Red วางขายอยู่
    3. โซน Cool Kids เหมาะมากสำหรับเด็กเล็กๆ ที่ต้องการรองเท้าที่มีลูกเล่น ซึ่งแบรนด์ดัง อาทิ Native และ Stuart Weitzman ก็มีวางจำหน่ายที่นี่เช่นกัน

 8. Dover Street Market@Dempsey สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Dover Street Market รีเทลชื่อดังจากลอนดอน ได้เปิดสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ COMO Dempsey สร้างขึ้นจากอาคารค่ายทหารเก่า เป็นอาคารชั้นเดียว มีพื้นที่โล่งกว้าง ประกอบด้วยโครงสร้างเพดานที่สูงถึง 10 เมตรพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ทั้งหมดรวมถึงร้าน Comme des Garcons นั้นดีไซน์โดย Rei Kawakubo ขณะเดียวกัน Rei ก็ได้ให้อิสระกับแบรนด์ต่างๆ ในการดีไซน์ตกแต่งพื้นที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่

  1. Malmaison by The Hour Glass นาฬิกาหรูที่สุดในย่านOrchard

Malmaison คือร้านนาฬิกาสุดหรูในถนนออชาร์ด ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสยุคพระเจ้านโปเลียน และพระมเหสีโจเซฟีน ซึ่งนอกจากนาฬิกาแบรนด์หรูชั้นนำแล้ว Malmaison by The Hour Glass ยังจำหน่ายสินค้าสุดพิเศษ อาทิ น้ำหอม และเครื่องหนังอีกด้วย

เมื่อเปิดประตูเข้ามา คุณจะพบกับ The Great Hall ห้องโถงซึ่งตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรามีเสน่ห์ของยุคเก่า ท่ามกลางคอลเลกชั่นนาฬิกาแบรนด์ดัง เครื่องดนตรีโบราณของ Reuge จากศตวรรษที่ 14 และเทียนหอมของ CireTrudon สำหรับนักสะสมท่านใดมีเงินติดบัญชีสักสิบล้านอัพ แล้วได้ก้าวขาเข้ามาในร้านนี้ต้องมีเสียเงินกันแน่นอน!!

สิงคโปร์ที่เป็นเมืองเล็กๆ เป็นศูนย์กลางที่รวมแต่ของเจ๋งๆ ให้เหล่านักช้อปจับจ่ายกันกระจาย แต่ต้องบอกว่าใครที่เป็นนักช้อปตัวจริง จะรู้ว่าของแต่ละอย่างที่แนะนำนั้นคุ้มค่าคุ้มราคา ใครที่ตั้งใจจะมาช้อปรับรองเลยว่าได้หิ้วของกลับประเทศจะต้องแพ็คกระเป๋าเพิ่มกันไม่หวาดไม่ไหว