7 จุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี ถ่ายรูปลง IG ได้รัวๆ

7 จุดชม ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี
ถ่ายรูปลง IG ได้รัวๆ

ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี หรือ ฤดูใบไม้ร่วง ถือเป็นช่วงเวลาที่แสนโรแมนติก เพราะต้นไม้จะพากันผลัดใบ เปลี่ยนเป็นโทนสีส้ม แดง เหลือง ดูสดใส ให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศฟินๆ แบบที่มีแค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง

ตามปกติ ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี จะอยู่ในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน แล้วแต่สภาพอากาศค่ะ ซึ่งวันนี้เราก็มีพิกัดชมใบไม้เปลี่ยนสีและจุดถ่ายรูปยอดฮิตมาฝากกัน รับรองว่าได้รูปสวยๆ ปังๆ ไว้อัพลงไอจีรัวๆ

1. อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน

ถ้าพูดถึงที่เที่ยว ใบไม้เปลี่ยนสี ที่เกาหลี หนึ่งในจุดชมวิวและถ่ายรูปที่งดงามที่สุดก็คือที่ อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ในเมืองซกโช จังหวัดคังวอนโด ทางฝั่งตะวันออกของเกาหลี ที่นี่สวยงามด้วยวิวทิวทัศน์ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ตามฉายาที่ได้รับว่า สวิตเซอร์แลนด์เกาหลี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บรรดาต้นไม้และต้นเมเปิ้ลต่างๆ ที่อยู่รอบอุทยานก็จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม แดง เหลือง แจกความสดใสและสวยงามสลับกันทั่วทั้งภูเขา

ส่วนใหญ่ชาวเกาหลีจะนิยมมาท่องเที่ยวและปีนเขากันค่ะ แต่สำหรับใครที่มีเวลาไม่มากก็สามารถโดยสารเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาได้ ใครอยากไปรับลมเย็นๆ บนยอดเขา พร้อมชมทิวทัศน์ของขุนเขาแบบ 360 องศา เก็บภาพความประทับใจสวยๆ กับคนที่คุณรักไปด้วย ขอแนะนำเลยค่า

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 3,500 วอน / เด็ก (อายุ 14-19 ปี) 1,000 วอน / เด็ก (อายุ 8-13 ปี) 500 วอน
เคเบิ้ลคาร์: Round Trip ผู้ใหญ่ 10,000 วอน / เด็ก (อายุต่ำกว่า 14 ปี) 6,000 วอน
เวลาทำการ: 09.00 – 18.00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถบัสที่สถานี Dong Seoul Bus Terminal (รถไฟใต้ดินสาย 2 สีเขียว ลงสถานี Gangbyeon) ไปลงยังสถานี Sokcho Intercity Bus Terminal แล้วโดยสารรถเมล์สาย 7 หรือ 7-1 ลงที่ป้ายสุดท้าย Seoraksan Sogongwon

2. อุทยานแห่งชาติบุคฮันซาน

อีกหนึ่งที่เที่ยวใกล้กรุงโซล ที่เราสามารถไปชมใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามได้นั่นก็คือที่ อุทยานแห่งชาติบุคฮันซาน ภูเขาหินแกรนิตขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของกรุงโซล ที่โอบล้อมด้วยพรรณไม้ต่างๆ กว่า 1,300 ชนิด และเป็นสถานที่เก่าแก่ที่เป็นที่ตั้งของวัดและป้อมปราการตั้งแต่สมัยอาณาจักรชิลลา

ที่นี่เป็นนิยมมากๆ ในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า ปีนเขา ชมธรรมชาติ เนื่องจากมีหลากหลายเส้นทางและหลายยอดเขาให้เลือกท้าทายความสามารถกัน ซึ่งนอกจากจะได้ชมทิวทัศน์ภาพใบไม้เปลี่ยนสีสันสดใสปกคลุมภูเขาทั้งลูกแล้ว จากจุดชมวิวบนยอดเขายังสามารถมองเห็นกรุงโซลและแม่น้ำฮันได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ใครชอบปีนเขา ชอบเที่ยวชมธรรมชาติสวยๆ จดไว้ในลิสต์เลยค่ะ!

เวลาทำการ: 09.00 – 15.00 น.
การเดินทาง:
Bukhansan National Park – นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 มาลงที่สถานี Gireum Station ทางออก 3 แล้วโดยสารรถเมล์สาย 110B หรือ 143 ลงที่ป้ายสุดท้าย
ป้อมปราการ Bukhansanseong Fortress – นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานี Gupabal Station ทางออก 1 แล้วโดยสารรถเมล์สาย 704 (Bukhansanseong Fortress) แล้วลงที่ป้ายหน้าทางเข้า Bukhansan Mountain

3. เกาะนามิ

มาถึงจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีสำหรับคู่รักที่มา ทัวร์เกาหลี ต้อง-ห้าม-พลาด!! นั่นก็คือ เกาะนามิ อันแสนโด่งดังจากซีรี่ย์เรื่อง Winter Love Song เป็นเกาะเล็กๆ รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว อยู่ห่างจากกรุงโซลเพียง 60 นาที แต่สวยงามเลอค่าเหมาะแก่การมาแชะภาพคู่กันเป็นที่สุด โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ต้นแปะก๊วยที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามทางเดินก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด บรรดาต้นเมเปิ้ลต่างๆ ก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มและแดง กระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ ไม่ว่าจะเดินเล่น ถ่ายรูป ขี่จักรยาน หรือแค่นั่งปิกนิกใต้ต้นไม้กับครอบครัวก็ฟินสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ

การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย Gyeongchun มาลงที่สถานี Gapyeong แล้วต่อรถบัสที่ด้านหน้าสถานีรถไฟ หรือแท็กซี่ไปท่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากตามตารางเวลาดังนี้
07.30 – 09.00 น. (ทุกๆ 30 นาที)
09.00 – 18.00 น. (ทุกๆ 10-20 นาที)
18.00 – 21.40 น. (ทุกๆ 30 นาที)
*ตารางเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเทศกาล

4. สะพานแขวนมาจังโฮซู

ถ้าพูดถึงจุดชมวิวและถ่ายรูปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตอนนี้ที่กำลังฮิตสุดๆ นั่นก็คือ สะพานแขวนมาจังโฮซู แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองพาจู ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ผ่านมานี้เอง นอกจากจะเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในเกาหลี แล้ว ภายในพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตรของทะเลสาบมาจัง ก็ยังทำการรีโนเวทเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติในรูปแบบ Outro Theme Park ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางปีนเขา พื้นที่แคมปิ้ง กิจกรรมทางน้ำต่างๆ หอดูดาว คาเฟ่และร้านอาหารมากมาย เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ใครมาเกาหลีต้องห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะบรรยากาศดีสุดๆ

5. พระราชวังเคียงบกกุง

ใครอยากมีรูปสวยๆ สวมชุดฮันบกอยู่ท่ามกลางใบไม้แดง ในบรรยากาศสุดคลาสสิกประหนึ่งเป็นองค์หญิงในวังหลวง มาเที่ยว เกาหลี ฤดูนี้ต้องมาที่ พระราชวังเคียงบกกุง นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์เกาหลีที่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแล้ว ในช่วงนี้จะมีความงดงามมากเป็นพิเศษ เพราะมีสีสันของบรรดาต้นแปะก๊วย ต้นเมเปิ้ล มาช่วยแต่งแต้มให้พระราชวังหลวงแห่งนี้ดูมีเสน่ห์และน่าเยี่ยมชมมากขึ้น จะมาเดินเล่นชิลๆ หรือจะ เช่าชุดฮันบกในเกาหลี แวะถ่ายรูปตรงจุดไหนก็ฟิน

เวลาทำการ: 09.00 – 17.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 16.00 น.) / ปิดทำการทุกวันอังคาร
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 3,000 วอน / เด็ก (7-18 ปี) 1,500 วอน / เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานี Gyeongbokgung ทางออก 5

6. พระราชวังชางด็อกกุง

พระราชวังชางด็อกกุง อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในโซลที่ใครมา ทัวร์เกาหลี ไม่ควรพลาด ที่นี่เคยเป็นพระราชวังหลวงแห่งที่สองที่ได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจาก UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1997 บรรยากาศรอบๆ มีความงดงาม คลาสสิก และค่อนข้างเงียบสงบ รายล้อมไปด้วยสีสันสดใสของต้นไม้ต่างๆ ที่กำลังผลัดใบเปลี่ยนสี โดยเฉพาะภายใน สวนฮูวอน หรือที่เรียกกันว่าสวนลับ ทางเดินอาจจะชันหน่อย แต่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็ดีงาม แถมได้ฟีลเหมือนเข้าไปอยู่ในละครย้อนยุคอีกต่างหาก ถ้ายิ่งสวมชุดฮันบกสวยๆ เข้าไปเก็บภาพประทับใจกันด้วยนะ 10 10 10 ไปเลยจ้า!!

เวลาทำการ: 09.00 – 17.30 น. / ปิดทำการทุกวันจันทร์
ค่าเข้าชม: พระราชวัง 3,000 วอน / สวนฮูวอน 5,000 วอน
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 มาลงที่สถานี Anguk ทางออก 3 แล้วเดินตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร

7. มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา

ปิดท้ายกันที่ มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเกาหลี และยังเป็นจุดถ่ายรูปใบไม้เปลี่ยนสียอดฮิตในกรุงโซลอีกด้วย ทั้งสถาปัตยกรรมอลังการล้อมด้วยทิวทัศน์สวยๆ ผสมกับสีสันสดใสของต้นแปะก๊วยและต้นเมเปิ้ลที่อยู่รอบๆ ยิ่งทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ต้องห้ามพลาดเลยทีเดียว

เวลาทำการ: 10.00 – 17.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 มาลงที่สถานี Ewha Woman’s University ทางออก 2 หรือ 3

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : mushroomtravel

คัมชอน ซานโตรีนีเกาหลี อันซีนในเมืองปูซาน

ในอีกมุมหนึ่ง นอกจากตึกระฟ้าในย่านเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ยังมีอาคารหมู่บ้านทาสีพาสเทล ที่แยกตัวออกมาจากเมืองแห่งความเจริญ ซึ่งบ้านเรือนแปลกตาเหล่านี้ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจากศิลปะสมัยใหม่ ที่เติมเต็มเรื่องราวให้กับหมู่บ้านที่ชื่อว่า คัมชอน ในเนินเขาวงกตแห่งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้คนให้ไปเยือนมากขึ้น

คัมชอน ซานโตรีนีเกาหลี อันซีนในเมืองปูซาน

ความจริงแล้วหมู่บ้าน คัมซอน ในปูซาน ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่อย่างที่หลายคนคิด หมู่บ้านแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1950 ในขณะนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองสลัม ที่บรรดาเหล่าผู้อพยพจากสงครามเกาหลีมารวมตัวอาศัยอยู่กัน รวมไปถึงนักบวช อีกด้วย จึงเรียกหมู่บ้านแห่งนี้มาว่า แทกึกโด(คล้ายหมู่บ้านศาสนา)

ต่อมาที่แห่งนี้ก็ดูปล่อยให้ทิ้งร้าง สภาพทรุดโทรมมาโดยตลอด อาจเป็นเพราะที่ตั้งทางหมู่บ้าน คัมชอน อยู่ห่างไกล และไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาลเท่าที่ควร ทางผู้นำหมู่บ้านคัมชอน จึงเกิดไอเดียปรับปรุงหมู่บ้านครั้งใหญ่ จนในปี 2009 ทางหมู่บ้านคัมชอน ได้เชิญบรรดาศิลปินนักเรียนและจิตรกรมาช่วยกันตกแต่งหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นจุดสนใจและดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวมากขึ้น ศิลปินนับสิบมาช่วยกันตกแต่ง เสริมจินตนาการให้กับหมู่บ้านแห่งนี้ด้วยสีพาสเทลหลากสีสัน จนทั่วทั้งหมู่บ้านมีสีสันสดใส จึงได้ชื่อเล่นมาว่า “ซานโตรีนีแห่งเกาหลี

เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงหมู่บ้าน คัมชอน จะพบว่าแต่ละซอยของหมู่บ้านทาสีสันสวยงาม และยังประดับตกแต่งด้วยรูปปั้นแบบต่างๆ อย่างเช่น รูปปั้นนกบนหลังคา หรือรูปปั้นฝูงปลา บนระเบียงไม้ ฯลฯ เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงบนสุดของเนินเขา จะพบจุดชมวิวรอบๆ หมู่บ้าน คัมชอน นั่นคือ สกายการ์เด้น ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดชมวิวแล้ว ยังเป็นศูนย์ข้อมูลของหมู่บ้านแห่งนี้อีกด้วย

การเดินทางมายังหมู่บ้าน คัมชอน นักท่องเที่ยวควรจะมีร่างกายที่ฟิตพอสมควร เนื่องจากทางเดินของหมู่บ้านเป็นเนินเขา อีกทั้งตรอกซอยที่แคบ อาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่ชิน สร้างปัญหาให้กับระบบทางเดินหายใจขึ้นมาได้ วิธีไปหมู่บ้านคัมชอน สามารถเดินทางมายังเมืองปูซาน จากนั้นใช้บริการรถไฟใต้ดินไปยังสถานีโจจียอง จากนั้นต่อด้วยรถแท็กซี่ไปยังโรงเรียนประถมคัมชอน (เสียค่าใช้จ่ายประมาณ 2.50 เหรียญฯ) หรือ บริษัททัวร์ในเกาหลี ราคาเริ่มต้นประมาณ 300 เหรียญฯ (+82 70 7393 2428)

หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน 10-13 เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ +82 70 4219 5556 ศูนย์หมู่บ้าน สกายการ์เด้น เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-18.00.

ข้อมูลและภาพ : travel.cnn.com
เรียบเรียงโดย Travel MThai

เกาหลีเปิดใช้ ตู้ปริ้นบัตร T-money ลายเดียวในโลก

เกาหลีเปิดใช้ ตู้ปริ้นบัตร T-money
ลายเดียวในโลก

ขอหวีดร้องดังๆ  สถานีรถไฟใต้ดินสถานีฮงแด Hongik University ประเทศเกาหลี เปิดใช้ ตู้ปริ้นบัตร T-money แล้ว สามารถปริ้นเป็นรูปต่างๆ ที่เราต้องการ อยากทำหน้าตัวเอง หน้าแฟน หรืออปป้า ก็ได้หมดเลย ><

มาทำความรู้จัก บัตร T-money กันก่อนดีกว่า … บัตรนี้เป็นบัตรเติมเงินที่ใช้เดินทางทั่วกรุงโซล ใช้ได้กับรถสาธารณะทุกประเภท ทั้งรถบัส รถไฟใต้ดิน รถไฟ Arex (รถไฟสนามบิน) แท๊กซี่ และยังใช้ซื้อสินค้าในร้านค้าที่มีเครื่องหมายทีมันนี่ได้ด้วย ข้อดีก็คือ นอกจากไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋วทีละเที่ยวแล้ว ยังมีส่วนลดเพิ่มเมื่อใช้บริการรถไฟและรถบัส ประมาณ 100 วอนต่อเที่ยว โดยสามารถหาซื้อบัตรจากร้านสะดวกซื้อทั่วไปเลยค่ะ

สำหรับวิธีการใช้ ตู้ปริ้นบัตร T-money นั้นไม่ยากเลย ทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. เริ่มแรกจะมีภาษาให้กดเลือก มีเกาหลี จีน ญี่ปุ่น และอังกฤษ สะดวกภาษาไหนก็จิ้มโลด

2. เลือกว่าจะถ่ายรูปใหม่สวยๆ จากตู้ หรือ เลือกรูปที่มีในมือถือ

3. ถ้าเลือกรูปจากมือถือของเราเอง หน้าจอตู้จะขึ้นให้เลือกว่าจะเชื่อมต่อ wifi หรือแสกน QR code

4. เลือกรูปภาพและปรับขนาดรูปภาพให้พอดีกับบัตร จากนั้นจะปรากฏ QR code บนโทรศัพท์มือถือ (กรณีเลือกแสกน QR code ) ให้เอาไปแสกนกับช่องสแกน QR Code ของตู้ ที่อยู่บริเวณด้านล่างขวามือ

5. เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีหน้าต่างขึ้นให้เลือกชำระเงิน แบบบัตรเครดิต เดบิต หรือ เงิดสด แต่ตอนนี้เงินสดยังใช้การไม่ได้ คาดว่าอาจมีให้บริการเร็วๆ นี้ โดยราคาบัตรอยู่ที่ใบละ 6,000 วอน

เพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสไปเที่ยวเกาหลี ลองไปใช้บริการกันนะ มีบัตร T-money ลายเดียวในโลก เริศจะตาย ทำบัตรเสร็จก็ไปช้อปปิ้งต่อที่ย่านฮงแด ซึ่งเป็นศูนย์รวมวัยรุ่นวัยโจ๋ เพราะย่านนั้นเต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับ กิ๊ฟช้อป ร้านอาหาร คาเฟ่ รวมถึงเป็นถนนแสดงงานศิลป์อาร์ตๆ อีกด้วย

พิกัด : สถานี Hongik University สาย Gyeongui-Jungang, AREX (สีเขียวอ่อน) แถวทางออก 4 ใกล้ๆ Tourists Informations ตรงข้ามกับ Emart

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและภาพจาก : 한국에서 뭐하지? มาเกาหลี ทำอะไรดีน้า?, chilloutkorea,