สิงคโปร์ จะเป็นยังไง เมื่อกลายเป็นเมืองบาดาล ใต้ท้องทะเล!

จะเป็นยังไงถ้า สิงค์โปร์ ประเทศเล็ก ๆ ใกล้บ้านเรา จมดิ่งอยู่ใต้ท้องทะเล มีมนุษย์เดินขวักไขว่ สวนทางกับฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมา ท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างที่น่าตื่นตาตื่นใจ เชื่อว่านี่น่าจะเป็นโลกในจินตนาการของใครหลายคนแน่นอน

สิงคโปร์ จะเป็นยังไง เมื่อกลาย
เป็นเมืองใต้ท้องทะเล!

ศิลปินที่ชื่อว่า Sean Lee เป็นหนึ่งในนักฝันผู้เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ที่แม้ว่าสถานะทางการเงินจะไม่เอื้อให้ออกสำรวจโลกกว้างอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เขาก็สามารถสร้างโลกที่อยากเห็นได้ ผ่านโปรแกรม Photoshop

เขาค่อนข้างชื่นชอบเกาะ Sunny ของประเทศสิงคโปร์มากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงวางแผนที่จะแปลงโฉมเกาะแห่งนี้ ให้กลายเป็นภาพในจินตนาการที่เขาวาดภาพเอาไว้ และนี่คือผลงานที่น่าทึ่งของเขา

1. ORCHARD GATEWAY

2. THIAN HOCK KENG TEMPLE

 

3. LIBRARY@ORCHARD

4. BUKIT PANJANG

5. KUAN YIN THONG HOOD CHO TEMPLE

6. MARINA BAY SANDS

7. RAFFLES CITY

8. BUS

9. CHOA CHU KANG MRT/LRT STATION

10. CITY HALL MRT STATION

11. BANGKIT ROAD

12. HDB HUB

Source : boredpanda, wegointer

สถานที่เที่ยวสิงคโปร์มิติใหม่ สวรรค์เล็กๆ ของนักช้อป

เมืองเล็กๆ อย่างสิงคโปร์นั้น ต้องคิดถึงสิ่งใดเป็นอย่างแรกคะ ถ้าในมุมนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายไปสิงคโปร์ก็คงจะนึกถึงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สวนสนุกที่พาเด็กๆ ไปเที่ยว แต่ครั้งนี้มาเยือนสิงคโปร์ในมาดของนักช้อป ภายใต้แนวคิด “Passion Made Possible” ที่เป็นขั้นกว่าของนักช้อป ให้เรียกว่า Collector หรือนักสะสม ด้วยสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าปลีกระดับโลก เป็นแม่เหล็กแผ่นใหญ่ที่ดึงนักออกแบบ ทั้งแบรนด์ดังระดับโลกและแบรนด์ท้องถิ่น เรียกได้ว่าบางอย่างก็หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน

สถานที่เที่ยวสิงคโปร์มิติใหม่ สวรรค์เล็กๆ ของนักช้อป

  1. ร้าน Je t’aime Perfumery เวิร์คชอปทำน้ำหอมในแบบของตัวเอง

ร้านน้ำหอม Je t’aime Perfumery ด้วยราคาเพียง 115 เหรียญสิงคโปร์ สามารถเข้าร่วมเวิร์คชอปเพื่อทำน้ำหอมในกลิ่นที่เป็นตัวเอง พร้อมขวดที่สลักชื่อ เป็นน้ำหอมกลิ่นเดียวแบบเดียวในโลก โดยขั้นตอนการทำ กลิ่นที่มาจากการทำการทดสอบบุคลิกภาพ เรามีบุคลิกที่ตรงกับกลิ่นไหนก็ใส่คะแนนลงไป ผสมออกมาก็จะกลายเป็นกลิ่นเฉพาะของตัวเอง

  1. Limited Edt Vault @ 313 Somerset สวรรค์ของสายสนีกเกอร์ตัวจริง

ใน 313 Somerset สถานที่ช้อปปิ้งอันโด่งดังในถนน Orchard มีร้านที่นักสะสมสนีกเกอร์ต้องมาเยือน ร้านนี้เป็นร้านบูติกที่มีรองเท้าผ้าใบชั้นนำของประเทศสิงคโปร์ Limited Edt Vault ขึ้นชื่อในหมู่คนที่ชื่นชอบรองเท้าเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่จะรวมรองเท้าที่เป็นรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น หายากมากๆ โดยแบรนด์ดังมากมายเช่น Nike, New Balance, Adidas, Vans, Puma, Reebok, converse, Sauconyเป็นต้น

ร้านนี้มีด้วยกันถึง 3 ร้าน ใน 313 Somerset โดยแบ่งเป็นแต่ละประเภท อย่าง

  • Limited Edt Underground สำหรับผู้ชื่นชอบรองเท้าผ้าใบเท่ห์ๆ หายาก แต่ราคาจับต้องได้
  • Limited Edt. Vault: สำหรับรองเท้ารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น รองเท้ารุ่นพิเศษที่เน้นการทำ special collaboration ร่วมกันระหว่างศิลปิน รวมถึงเครื่องจำลองอินเตอร์แอคทีฟที่ทำให้ลูกค้าสามารถทดลองใส่รองเท้าคู่โปรดได้
  • Limited Edtสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬาบาสเก็ตบอล สเก็ตบอร์ด และรองเท้าผ้าใบสำหรับผู้หญิง และเด็กโดยเฉพาะ

  1. 268 Orchard ตึกสุดฮิบรวมแบรนด์สินค้าแนวสตรีทหลากหลายแบรนด์

ตึกนี้ประกอบด้วยร้านที่มีเอกลักษณ์สุดเก๋ ให้เหล่าคนที่ชื่นชอบในการแต่งตัวแนวไฮสตรีทแฟชั่น มาเก็บไอเทม อัพเลเวลกันสุดฤทธิ์ได้ที่นี่ โดยแบ่งเป็น 3 ร้าน 3 สไตล์ ได้แก่ ร้าน Surrender เป็นร้านค้าที่รวมแบรนด์สินค้าแนวสตรีทหลากหลายแบรนด์ไว้ด้วยกัน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่แบรนด์จากดีไซเนอร์ชั้นนำเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น นิวยอร์ก และ แอลเอ

ร้าน OFF-WHITE เป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดสาขาใหม่ในสิงคโปร์ อยู่ใจกลางย่านถนนออร์ชาด ร้านดูมีความกว้างขวาง เรียบ ดูสะอาดตา โดยร้านตกแต่งด้วยกระจกใสโดยรอบ ประกอบด้วยผนังคอนกรีตหนา พื้นคอนกรีตขัดมัน ไฟสปอร์ตไลท์บนเพดานกว้าง ซึ่งทำให้บรรยากาศของร้านดูมีความทันสมัย

ร้าน Christian Dada เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น โดยเสื้อผ้าทุกตัวจัดวางบนราวสีเงิน มีที่นั่งทีลักษณะเหมือนก้อนหินวางไขว้กันอยู่กลางร้าน โดยดีไซน์ของเสื้อผ้าจากแบรนด์นี้ จะล้อเลียนแบรนด์ดังๆ ระดับโลก ประมาณว่าจะเสียดสีผู้คนที่คลั่งแบรนด์จนเกินไป ดีไซน์เสื้อผ้าจะดูเป็นแบบหลุดๆ ขาดๆ เกินๆ แหวกแนวกันไปเลย

  1. K+ Curatorial Space พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและผลิตภัณฑ์ดีไซน์เก๋ๆ

K+ คือพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ และ curatorial space เป็นแหล่งรวมผลงานและผลิตภัณฑ์ดีไซน์ จากผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ชาวสิงคโปร์ และนักออกแบบจากหลากหลายประเทศทั่วโลก โดยพื้นที่จัดแสดงผลงานด้านศิลปะจะเปลี่ยนรูปแบบและผลงานทุกๆ 6-8 สัปดาห์

และด้านใน มีพื้นที่ขายสินค้าทั้งของที่ระลึก เครื่องประดับ สินค้าไลฟ์สไตล์ เป็นต้น โดยได้มีการทำงานร่วมกับแบรนด์ดังๆ ของสิงคโปร์ เช่น BooksActually, GOODSTUPH, Kinetic, Pomelo, Supermamaและ Tofu ก็มาจำหน่ายสินค้าที่นี่ นอกจากนี้ บริเวณ Retail ยังมีส่วนจัดแสดงที่เรียกว่า Noah’s Ark ที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบรุ่นใหม่มีโอกาสได้แสดงผลงานของตนโดยไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ราคาแพงอีกด้วย

  1. Pedder on Scotts อาณาจักรแบรนด์สุดหรู

ไม่มีที่ไหนเหมาะกับการช้อปปิ้งแบรนด์รองเท้าสุดหรูมากไปกว่าที่ Pedder on Scotts อาทิ Alexander Wang ไปจนถึง Christian Louboutin และได้แบ่งโซนร้านค้าปลีกออกเป็น 6 โซนด้วยกัน อาทิ Pedder ที่เน้นขายรองเท้าของสุภาพสตรีและเครื่องประดับจากแบรนด์หรูชั้นนำ โซน Pedder Men ซึ่งเป็นร้านเดียวนอกเหนือจากที่ประเทศฮ่องกงที่มีโซนจัดไว้สำหรับสุภาพบุรุษโดยเฉพาะ โซน New Generation ที่วางขายแบรนด์รองเท้าแนวสตรีท โซน Weekend & Sports ที่เน้นขายรองเท้าผ้าใบแบบลำลอง และรองเท้าผ้าใบกีฬาดีไซน์ล้ำ โซน Cool Kids สำหรับเด็กแนวๆ และ Kiosks ซึ่งเป็นบริเวณที่จัดไว้สำหรับอาหารและแสดงงานศิลปะโดยเฉพาะ

  1. การตกแต่งในโซน Pedder men ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมป๊อป
    2. โซน New Generation รองเท้าแนวสตรีท มีแบรนด์อย่าง Ash และ Pedder Red วางขายอยู่
    3. โซน Cool Kids เหมาะมากสำหรับเด็กเล็กๆ ที่ต้องการรองเท้าที่มีลูกเล่น ซึ่งแบรนด์ดัง อาทิ Native และ Stuart Weitzman ก็มีวางจำหน่ายที่นี่เช่นกัน

 8. Dover Street Market@Dempsey สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Dover Street Market รีเทลชื่อดังจากลอนดอน ได้เปิดสาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ COMO Dempsey สร้างขึ้นจากอาคารค่ายทหารเก่า เป็นอาคารชั้นเดียว มีพื้นที่โล่งกว้าง ประกอบด้วยโครงสร้างเพดานที่สูงถึง 10 เมตรพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ทั้งหมดรวมถึงร้าน Comme des Garcons นั้นดีไซน์โดย Rei Kawakubo ขณะเดียวกัน Rei ก็ได้ให้อิสระกับแบรนด์ต่างๆ ในการดีไซน์ตกแต่งพื้นที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่

  1. Malmaison by The Hour Glass นาฬิกาหรูที่สุดในย่านOrchard

Malmaison คือร้านนาฬิกาสุดหรูในถนนออชาร์ด ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสยุคพระเจ้านโปเลียน และพระมเหสีโจเซฟีน ซึ่งนอกจากนาฬิกาแบรนด์หรูชั้นนำแล้ว Malmaison by The Hour Glass ยังจำหน่ายสินค้าสุดพิเศษ อาทิ น้ำหอม และเครื่องหนังอีกด้วย

เมื่อเปิดประตูเข้ามา คุณจะพบกับ The Great Hall ห้องโถงซึ่งตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรามีเสน่ห์ของยุคเก่า ท่ามกลางคอลเลกชั่นนาฬิกาแบรนด์ดัง เครื่องดนตรีโบราณของ Reuge จากศตวรรษที่ 14 และเทียนหอมของ CireTrudon สำหรับนักสะสมท่านใดมีเงินติดบัญชีสักสิบล้านอัพ แล้วได้ก้าวขาเข้ามาในร้านนี้ต้องมีเสียเงินกันแน่นอน!!

สิงคโปร์ที่เป็นเมืองเล็กๆ เป็นศูนย์กลางที่รวมแต่ของเจ๋งๆ ให้เหล่านักช้อปจับจ่ายกันกระจาย แต่ต้องบอกว่าใครที่เป็นนักช้อปตัวจริง จะรู้ว่าของแต่ละอย่างที่แนะนำนั้นคุ้มค่าคุ้มราคา ใครที่ตั้งใจจะมาช้อปรับรองเลยว่าได้หิ้วของกลับประเทศจะต้องแพ็คกระเป๋าเพิ่มกันไม่หวาดไม่ไหว

 

สิงคโปร์แชมป์ 10 อันดับเมือง ค่าครองชีพ แพงที่สุดในโลก

สิงคโปร์แชมป์ 10 อันดับเมือง
ค่าครองชีพ แพงที่สุดในโลก

เมืองไทยที่เรามองว่าข้าวยากหมากแพง หรือเมืองแฟชั่นหรูอย่างฝรั่งเศส เมืองผู้ดีอย่างประเทศอังกฤษ แม้แต่ดินแดนที่อะไรๆ ก็แพงหูฉี่อย่างสแกนดิเนเวีย ยังต้องสยบให้ สิงคโปร์ ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่มี ค่าครองชีพ แพงที่สุดในโลกประจำปี 2018

The Economist Intelligence Unit หรือ EIU ทำการสำรวจและจัดอันดับ ค่าครองชีพ ทั่วโลก (Worldwide Cost of Living Survey) โดยเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการกว่า 160 รายการใน 133 เมืองทั่วโลก เช่น อาหาร, อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำ, เครื่องนุ่งห่ม, ค่าจ้างแม่บ้าน, ค่าโดยสารรถสาธารณะ ตลอดจนค่าสาธารณูปโภคต่างๆ

ผลปรากฏว่า ในปี 2018 สิงคโปร์ยังคงรักษาแชมป์ เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก เอาไว้ได้เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ตามมาด้วย ปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส ซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ และฮ่องกง ตามลำดับ

สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ จะเห็นว่า 10 อันดับแรกเป็นการแข่งขันกันระหว่างเมืองใหญ่ในเอเชียอย่าง สิงคโปร์ ฮ่องกง และโซล (อันดับ 7) กับเมืองใหญ่ในยุโรปอย่าง ปารีส ซูริก ออสโล  เจนีวา และ โคเปนเฮเกน

ส่วน มหานครโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งติด 1 ใน 5 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกเมื่อปี 2017 ในปีนี้กลับร่วงลงไปอยู่ถึงอันดับที่ 11 หรือเมืองใหญ่อย่างโอซาก้า ก็ไม่อยู่ใน 10 อันดับของผลสำรวจด้วย

ดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย

ทางด้าน 10 อันดับ เมืองที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในโลก อันดับแรกตกเป็นของ ดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศรัสเซีย ตามมาด้วย เมืองการากัส ของประเทศเวเนซุเอล่า และเมืองอัลมาตี ของประเทศคาซัคสถาน ตามลำดับ แต่น่าเสียดายที่เมืองเหล่านี้ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่

สำหรับ กรุงเทพฯ ประเทศไทย คว้าอันดับที่ 50 ไปสวยๆ แต่ก็รองอันดับ 2 จากสิงคโปร์ ในฐานะเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Source : eiu, telegraph