ร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมีสาระสำคัญ ปรับเพิ่มโทษและแก้ไขข้อกำหนดให้เหมาะกับยุคสมัย และสอดคล้องกับกฎหมายหลัก

โดยขั้นแรกจัดหนัก เพิ่มโทษปรับความผิดลหุโทษให้สอดคล้องกับกฎหมายอาญา จากเดิมความผิดลหุโทษ ปรับได้ไม่เกิน 1,000 บาท เพิ่มเป็นปรับได้สูงสุดถึง 10,000 บาท โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้กำหนดอัตราค่าปรับในแต่ละพื้นที่

นอกจากนี้การคาดเข็มขัดนิรภัย ที่กำหนดให้เฉพาะผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าต้องคาดเข็มขัดนิรภัย แก็แก้ไขใหม่ให้ทุกคนในรถต้องคาดเข็มขัดนิรภัย

ส่วนปัญหาไม่จ่ายค่าปรับใบสั่งที่สะสมมานาน เพราะไม่มีกระบวนการแจ้งเตือน ก็แก้ไขใหม่ ผู้ได้รับใบสั่งที่ไม่ไปจ่ายค่าปรับภายใน 15 วัน ตำรวจจะส่งหนังสือแจ้งเตือนให้มาจ่ายภายใน 15 วัน รวมเป็น 30 วัน ถ้าไม่ไปจ่ายค่าปรับจะต่อภาษีรถไม่ได้ พร้อมทั้งให้กรมการขนส่งทางบกรับชำระค่าปรับตามใบสั่งได้ จากเดิมไม่มีอำนาจรับชำระค่าปรับ ทำให้มาตรการไม่จ่ายค่าปรับ ไม่ต่อภาษีรถไม่ได้ผล

ร่างกฎหมายจราจรใหม่ ยังเพิ่มมาตรการดักทางผู้เมาแล้วขับ จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับนำตัวไปตรวจพิสูจน์แอลกอฮอลล์ ทำให้ผู้ขับขี่ ยอมจ่ายค่าปรับ 1,000 บาท ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานแทน แต่กฎหมายใหม่กำหนดชัดเจนให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจพิสูจน์ผู้เมาแล้วขับ โดยสั่งทดสอบลมหายใจ หรือนำตัวส่งให้แพทย์ตรวจด้วยวิธีการอื่น ถ้าผู้ขับขี่ขัดคำสั่งจะถูกลงโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท ส่วนความผิดฐานเมาแล้วขับเพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 10,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งพักใช้ใบขับขี่ 6 เดือนขึ้นไป หรือเพิกถอนใบอนุญาต และสั่งยึดรถได้ไม่เกิน 7 วัน

นอกจากนี้ ยังเพิ่มโทษความผิดฐานแข่งรถ เป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 6,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ แต่กรณีพบว่ากำลังรวมกลุ่ม หรือส่อว่าจะรวมกลุ่มแข่งรถ ก็จะมีโทษด้วย ส่วนรถที่ถูกยึดทุกความผิด เจ้าของต้องจ่ายค่าเก็บรักษาดูแลรถด้วย

ผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดซ้ำข้อหาเดิมภายใน 1 ปี จะเพิ่มโทษปรับเป็นทวีคูณ หวังให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว และยับยั้งชั่งใจไม่กล้าทำผิดอีก