เมื่อวานนี้ตำรวจพระนครศรีอยุธยานำตัวสามีที่ฆ่าบีบคอภรรยาตนเอง แล้วปล่อยให้ลูกสาววัยขวบเศษนั่งเฝ้าศพผู้เป็นแม่ตลอดทั้งคืน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของชาวบ้าน ลงสนามข่าวนี้กับคุณศจี วงศ์อำไพ
นายวิรัช แก้ววิเชียร ผู้ต้องหาฆ่านางสาวพรทิพย์ สุคนธสังข์ ภรรยาตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพักในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อคืนวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งขโมยมือถือและแหวนทองผู้ตายหลบหนีไปด้วย โดยทิ้งให้ลูกสาววัยขวบเศษนั่งเฝ้าศพผู้เป็นแม่ตลอดทั้งคืน
หลังเกิดเหตุนายวิรัชหนีไปกบดานที่พัทยาใต้ จังหวัดชลบุรี ตำรวจใช้เวลาสืบสวนนานกว่า 20 วัน ที่สุดก็ตามไปรวบตัวได้
ตำรวจให้นายวิรัชจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ในห้องนอนลูกสาวนอนหลับแล้ว แต่นายวิรัชและภรรยามีปากเสียงกันเรื่องหึงหวง เพราะนายวิรัชกลัวว่า ภรรยาจะกลับไปคบหากับสามีเก่าที่เพิ่งจะพ้นโทษออกมา จึงบันดานโทสะพลั้งมือบีบคอภรรยาจนแน่นนิ่ง ไม่เจตนาฆ่าให้ตาย แต่ด้วยกลัวความผิดจึงคิดหลบหนี
วันนี้สำนึกผิด จุดธูปขอขมาต่อหน้ารูปถ่ายภรรยาสาว พร่ำขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับกรรมที่ก่อ แต่ขอให้วิญญาณภรรยารู้ว่าเขารักเธอและลูกสาวมาก
แม้ผู้เป็นยายของนางสาวพรทิพย์ จะอโหสิกรรมให้นายวิรัช แต่หัวอกคนเป็นแม่ กลับรับไม่ได้ที่ลูกเขยทำร้ายลูกสาวตนเอง ยั้งใจไม่ไหว จึงเผลอทุบตีนายวิรัชไปหลายครั้งจนตำรวจต้องเข้ามาห้ามทัพ
ระหว่างทำแผนประกอบคำรับสารภาพมีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้านที่มามุงดูต่างตะโกนด่าทอผู้ต้องหาว่า โหดเหี้ยมทำร้ายได้แม้แต่ภรรยาตนเอง บางคนโกรธแค้นพยายามจะกรูจะเข้ามาทำร้าย แต่เจ้าหน้าที่ก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ การทำแผนจึงผ่านไปด้วยดี
ความไร้เดียงสาของหนูน้อยวัยขวบยังไม่รับรู้ว่า วันนี้แม่เสียชีวิตแล้ว ด้วยน้ำมือของผู้เป็นพ่อ ร้องไห้เรียกหาแต่แม่
ขณะที่ผู้เป็นยายก็ยืนยันจะขอเลี้ยงลูกๆของนางสาวพรทิพย์ทั้ง 3 คนโดยคนโตและคนกลางเป็นลูกติดจากสามีเก่า ส่วนหลานสาวคนสุดท้องวัยขวบเศษก็จะพยายามเลี้ยงให้ดีที่สุดเพราะรักและผูกพัน สงสารที่ต้องมาอาภัพไม่มีทั้งแม่และพ่อ
อีกคดีเป็นอุทาหรณ์ก่อนจะทำอะไรควรคิดให้รอบด้าน นึกถึงผลที่จะตามมาและคนที่รักให้มากที่สุด อย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เพราะเสี้ยววินาทีพลั้งเผลอคุณอาจตกเป็นผู้ต้องหาสูญเสียอนาคตได้
