ช่อง 7 สี ได้จำลองรูปแบบพระเมรุมาศ และอาคารประกอบเสมือนจริง ซึ่งช่วงสายวันนี้จะมีพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอก ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ติดตามรายงานจากคุณนันทิพัฒน์ โปธาปัน
การจัดเตรียมพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ ยึดถือตามแบบประเพณีโบราณ และคำนึงถึงการใช้สอยพื้นที่อย่างเหมาะสม
บริเวณโดยรอบมีอาคารประกอบ ใช้ในพระราชพิธีที่สำคัญ ประกอบด้วยพระที่นั่งทรงธรรม 1 หลัง ตั้งอยู่กึ่งกลางด้านทิศตะวันตกของพระเมรุมาศ เป็นอาคารชั้นเดียว บริเวณกึ่งกลางใช้สำหรับเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ และปีกอาคารทั้ง 2 ข้าง สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ถัดมาเป็นศาลาลูกขุน เป็นอาคารโถงทรงโรง ตั้งอยู่ 4 ทิศ ใช้สำหรับเป็นที่เข้าเฝ้าของบรรดาข้าราชการ ซึ่งในมณฑลพิธีมี 6 หลัง และนอกมณฑลพิธีอีก 5 หลัง
จากศาลาลูกขุนเป็นอาคารทับเกษตร ออกแบบมีเครื่องยอดทรงมณฑป 3 ชั้น ตั้งอยู่ 4 มุมของพื้นที่ แสดงแนวอาณาเขตมณฑลพิธี ใช้สำหรับรองรับข้าราชการที่มาร่วมในพระราชพิธีสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
ส่วนบริเวณติดรั้วราชวัตร เป็นทิม อาคารเปิดโล่งสำหรับพระสงฆ์ เจ้าพนักงาน แพทย์หลวง มีทั้งหมด 10 หลัง
พระเมรุมาศทรงบุษบก 9 ยอด มี 4 ชั้นชาลา เริ่มจากชั้นบนสุด หรือชาลา 4 เป็นที่ตั้งขององค์บุษบกประธาน สำหรับประดิษฐานพระโกศพระบรมศพและพระจิตกาธาน เครื่องยอดทรงมณฑปเชิงกลอน 7 ชั้น ฉลุลายงดงาม ยอดบนประดับนพปฎลมหาเศวตฉัตร
ถัดมาเป็นชั้นชาลา 3 เป็นองค์ซ่างทรงบุษบก 4 ทิศ ใช้สำหรับพระสงฆ์สวดพระอภิธรรม
จากองค์ซ่างทรงบุษบก ลงมาชาลา 2 เป็นบุษบกหอเปลื้อง ใช้สำหรับเก็บพระโกศทองใหญ่ พระโกศจันทน์ พระหีบจันทน์ ภายหลังการเคลื่อนพระบรมศพ และเก็บข้าวของเครื่องใช้ในงานพระราชพิธี
และลงมาพื้นล่าง ชั้นนี้เรียกว่า อุตราวรรต มีสระอโนดาต บริเวณบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ทิศ มีรูปปั้นสัตว์หิมพาต์ ช้าง ม้า โค สิงห์
การจัดวางงานประณีตศิลป์ประติมากรรมสัตว์ป่าหิมพานต์ ด้านบันไดทางขึ้นทิศเหนือ มีสัตว์หิมพานต์ตระกูลช้างประจำทางขึ้นทั้ง 2 ฝั่ง ซ้ายขวา พร้อมเพรียงด้วยครอบครัวช้างตัวเล็กตัวน้อย จรดมุมขอบสระอโนดาต
ถัดมาทางทิศตะวันออก ฝั่งศาลฎีกา เป็นสัตว์หิมพานต์ตระกูลสิงห์ ซึ่งเป็น 1 ในสัตว์หิมพานต์ตามจินตนาการ ประดับตบแต่งอย่างงดงาม อยู่ 2 ฝั่งบันไดทางขึ้น
จากฝั่งทิศตะวันออกมาสู่ฝั่งทิศใต้ ตรงข้ามกับพระบรมหาราชวัง 2 ฝั่งบันไดทางขึ้น เป็นสัตว์หิมพานต์ตระกูลโค สูงใหญ่ เป็นสัตว์สามัญที่มีอยู่จริง
สุดท้ายบริเวณบันไดทางขึ้นฝั่งทิศตะวันตก จากจุดนี้ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จัดวางสัตว์หิมพานต์ตระกูลม้าอย่างสง่างาม
โดยเริ่มจากชาลา 1 ข้างบันไดทางขึ้น ด้านขวาจะเป็นคชสีห์ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นราชสีห์ ประดับทางขึ้นทิศละ 1 คู่ ส่วนมุมทั้ง 4 ในชาลานี้ จะเป็นที่สถิตของท้าวจตุโลกบาล เทวดารักษาทุกข์-สุขของมนุษย์โลก โดยมีท้าวเวสสุวรรณ หรือกุเวร เป็นนายใหญ่ คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ ประจำอยู่ทางทิศเหนือ และมีท้าวมหาราชทั้ง 3 ช่วยปกครองดูแล
ถัดขึ้นมาชาลา 2 บันไดทั้งสองฝั่งประกอบครุฑ 4 คู่ ยืนรอบอยู่ 4 ทิศ รวมทั้งหมด 8 ตัว อยู่ในชั้นเดียวกับบุษบกหอเปลื้อง
จากชาลา 2 ขึ้นมาชาลา 3 ทั้ง 4 ทิศ เบื้องหน้าทางขึ้นสู่ซ่างทรงบุษบก 4 องค์ จะเป็นที่ตั้งของมหาเทพทั้ง 4 ประกอบด้วย พระศิวะ พระนารายณ์ พระอินทร์ และพระพรหม
เหนือสุดเป็นที่ตั้งองค์บุษบกประธาน สำหรับประดิษฐานพระโกศพระบรมศพและพระจิตกาธาน และในชั้นบุษบกประธานสูงสุดนี้ ยังมีรูปปั้น "คุณทองแดง" สุนัขทรงเลี้ยง ที่อยู่ข้างพระวรกายเสมอมา
สำหรับ "ฉากบังเพลิง" ชั้นชาลานี้ กลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ ได้ออกแบบลงลวดลายตามคติความเชื่อเรื่องพระนารายณ์ 10 ปาง ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 เปรียบดั่งปางที่ 9 ดุจเสมือนสมมติเทพ จุติลงมาบนแผ่นดินไทยนำความร่มเย็นมาสู่พสกนิกรทั่วล้า ตลอด 70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติ
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักสถาปัตยกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร
