ทุกวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็น "วันน้ำโลก" เพื่อให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของทุกชีวิต โดยในปีนี้กำหนดคำขวัญวันน้ำโลกว่า "น้ำเสีย" เนื่องจาก 80 เปอร์เซ็นต์ของน้ำเสียถูกปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อม โดยไม่ผ่านการบำบัด ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และทำให้คนทั่วโลกเสียชีวิตปีละ 8.5 แสนคนต่อปี รวมทั้งกระทบต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมโลกมากขึ้น
"น้ำเสีย" เป็นหนึ่งในปัญหาที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ และต้องเร่งแก้ไขเช่นกัน ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดแนวทางแก้ปัญหาน้ำภายใต้แนวคิด "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" โดยน้อมนำเอาพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระบิดาแห่งการจัดการทรัพยากรน้ำ ที่ทรงพระราชทานโครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ มาเป็นต้นแบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
และที่เห็นนี้ เป็นแผนผังโครงการพระราชดำริ "จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที" ซึ่งนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้รวบรวมทุกโครงการพระราชดำริมาถ่ายทอด ตั้งแต่โครงการฝนหลวง สู่การอนุรักษ์ป่าไม้เพื่อกักเก็บน้ำ สร้างอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในยามขาดแคลน จนถึงการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีธรรมชาติ
แผนผังการแก้ปัญหาน้ำด้วยวิธีธรรมชาติ เพียงแผ่นเดียวแผ่นนี้มีคุณค่าต่อผืนแผ่นดินไทยอย่างมหาศาล โดยนายสุเมธหวังว่า ทุกหน่วยงานจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า เพื่อสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงให้ความสำคัญเรื่องน้ำมากที่สุดอีกงานหนึ่ง
นอกจากการนำ ศาสตร์พระราชามาบริหารจัดการน้ำแล้ว ยังต้องมีเรื่องของกฎหมายมาใช้กำกับดูแล ซึ่งอีกไม่นานไทยน่าจะมีพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำขึ้นมาใช้ในเป็นฉบับแรก เพื่อดูแลแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบ
ปัญหาน้ำเสียของไทย ยังต้องเร่งแก้ไขภาคครัวเรือนและภาคการเกษตร ซึ่งหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาคือ การเก็บค่าน้ำเสีย
