พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่สั่งให้กระทรวงคมนาคม ปฏิบัติตามคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ จ่ายเงินชดเชยให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ โดยย้ำ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในรัฐบาลใด แต่รัฐบาลปัจจุบันก็ต้องรับผิดชอบแก้ไข และไม่ใช่เฉพาะกรณีนี้ แต่ที่ผ่านมา มีหลายโครงการที่รัฐบาลได้แก้ไข แต่ก็ยังถูกตำหนิ จึงวอนเห็นใจคนทำงาน พร้อมระบุว่า สำหรับข้อพิพาทดังกล่าว เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเจรจากันอยู่
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องขอเวลาศึกษารายละเอียดก่อน โดยกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่อง จะต้องทำรายงานเรื่องดังกล่าว ส่งให้คณะรัฐมนตรี รับทราบ แต่ต้องใช้เวลาอีกระยะ เพราะต้องรอศาลทำคำพิพากษา และคัดคำพิพากษาดังกล่าวมาพิจารณา พร้อมมองว่า ยังเร็วเกินไปที่รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ เพราะต้องรอกระทรวงคมนาคม ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการก่อน พร้อมยืนยัน จะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการหาทางออก เพราะถือว่ากรณีที่เกิดขึ้น เป็นคำพิพากษาของศาล แต่อาจดำเนินการอย่างอื่นได้ เช่น การเจรจาต่อรอง
โครงการถนนและทางรถไฟยกระดับในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล หรือที่เรียกว่า “โฮปเวลล์” เกิดขึ้นเมื่อปี 2533 ในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
โดยมีการเปิดประมูลสัมปทานก่อสร้างทางยกระดับ เพื่อแก้ปัญหาการจราจร ตามสัญญาผู้รับสัมปทานจะมีรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้า ค่าผ่านทาง และรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ตลอดเส้นทาง และผลการประมูลครั้งนั้น บริษัทโฮปเวลล์โฮลดิงส์ ของนายกอร์ดอน วู ประธานบริหารโฮปเวลล์ โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่วงการก่อสร้างของฮ่องกง เป็นผู้ชนะ
การได้บริษัท โฮปเวลล์ มาเป็นผู้ก่อสร้างนี้เหมือนจะเป็นผลดี เมื่อผู้ลงทุนออกแบบเองทั้งหมด โดยใช้วงเงินลงทุนทั้งโครงการประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 8 ปี อายุของสัมปทาน 30 ปี มีกำหนดตั้งแต่ 6 ธันวาคม 2534 – 5 ธันวาคม 2542 โดย แบ่งเป็น 5 ระยะทางรวมทั้งสิ้น 60.1 กิโลเมตรแต่ปรากฏว่า การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า ประกอบกับปัญหาหลายเรื่อง
กระทั่งหลังรัฐประหารในปี 2534 รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ได้เข้ามาตรวจสอบสัญญาสัมปทานทั้งหมด ก่อนประกาศล้มโครงการ แม้ต่อมา รัฐบาลนายชวน หลีกภัย จะผลักดันโครงการต่อ แต่สุดท้าย ก็ยกเลิกสัมปทานอย่างเป็นทางการ เมื่อ 20 มกราคม 2541 ทำให้ต่อมา บริษัทโฮปเวลล์โฮลดิ้ง ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญา จนกลายเป็นคดีความยืดเยื้อมาถึงปัจจุบัน
โฮปเวลล์ เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มาก ประกอบไปด้วยพื้นผิวการจราจร 4 ชั้น คือ
โดยตามแผนงานนั้น ระบบขายตั๋วเป็นระบบอัตโนมัติ รถไฟ 1 ขบวนนั้นมีจำนวน 12 ตู้ เป็นระบบปรับอากาศทั้งหมด โดยประมาณการไว้ว่า สามารถขนส่งผู้คนได้ราว 3 ล้านคนต่อวัน ทำความเร็วสูงสุดได้ 90 กม. / ชม.
อย่างไรก็ตามในวันนี้ ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่บริษัท โฮปเวลล์ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัท โฮปเวลล์ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ทำให้การรถไฟฯไม่ต้องจ่ายคืนเงินจำนวนดังกล่าว
> ศาลปกครองสูงสุดสั่ง!! กระทรวงคมนาคมคืนเงินชดเชย ‘โฮปเวลล์’
โครงการโฮปเวลล์ ถือเป็นหนึ่งในโครงการมหากาพย์แห่งไทยที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่ถือได้ว่าเป็นวิกฤติทางการเมืองและเศรษฐกิจหลายๆ อย่าง ส่งผลให้โครงการถูกขนานนามเป็น “โฮปเลส” (Hopeless)
….
ที่มาจาก ประมวลข้อมูลมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการระบบการขนส่งทางรถไฟยกระดับในกรุงเทพมหานคร (โฮปเวลล์)
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา