จากนักร้องหน้าใหม่สมาชิกวงรูกกี้บีบี นักศึกษาหนุ่มเฟรชชี่นักบริหาร ม.ธรรมศาสตร์ เอี๊ยง-สิทธา สภานุชาติ เดินทางผ่านช่วงชีวิตในมอ ทั้งกิจกรรมและการศึกษา กลายเป็นบัณฑิตหนุ่มหน้าใส กับความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่พร้อมเริ่มต้นกับประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน
ภาพถ่ายแรกก่อนเข้าในรั้วมหาวิทยาลัย
ตอนม.ปลายผมเรียนสายวิทย์-คณิตมาก่อน เพราะตอนม.ต้นเรียนดี แต่พอขึ้นม.4 เริ่มเกเร ก็เริ่มมีแฟน ติดเพื่อน ที่บ้านก็เลยส่งให้ผมไปเรียนเป็นนักเรียน AFS อยู่ปีหนึ่งเต็มๆ พอกลับช่วงชีวิตในสายวิทย์ก็หายไปเลยครับ ก็เลยเปลี่ยนมาเข้าศิลป์คำนวณแทน ตอนจะสอบเอนทรานส์ เพื่อนๆ ในกลุ่มอยากเข้านิติศาสตร์กัน เราก็คิดว่าเจ๋งนะ เลยลองไปอ่านดู แต่ก็รู้สึกว่าไม่ไหว มันยาก แล้วอีกทางก็มีเพื่อนไปสอบ SMART ONE ที่บัญชี ธรรมศาสตร์ เราก็เลยลองไปสอบดูบ้าง สรุปว่าติด ตอนแรกไม่ได้ชอบด้านบัญชีเลย แต่พอมาศึกษาดูในคณะมันก็มีด้านบริหารทรัพยากรมนุษย์ด้วย ก็น่าสนใจ เข้ามาจริงๆ ก็โอเคมาก
ภาพถ่ายบอกเล่าชีวิตในมอ
ตอนปี 1 เริ่มเข้าวงการทำเพลงแล้วด้วย แต่โชคดีตอนนั้นได้เพื่อนดี เพื่อนๆ ก็ใจดีติวให้เรา แล้วก็มีแฟนด้วย ผมว่าความรักกับเรื่องเรียนมันแยกกันยากนะ เวลาเรามีความรักในวัยเรียน เรามักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ทำให้ไม่มีสมาธิในการเรียน จำภาพตอนมีแฟน แล้วเราลงมือทำของขวัญติดรูปเรากับแฟนในกล่อง แล้วเอาไปขอเขาเป็นแฟนที่ริมบ่อน้ำในธรรมศาสตร์ได้ ตอนนั้นคิดว่ามันโรแมนติกมาก แต่มาคิดตอนนี้แล้วมันขำ ก็คือคบกันได้แค่ปีเดียวด้วย 55
ภาพความทรงจำของบัณฑิตจบใหม่
ตอนจบใหม่ๆ เคว้งพอสมควร ทางค่ายจะเลิกทำเพลง เราก็เลยคิดว่าจะไปทำงานออฟฟิศดีกว่า แต่เผอิญได้มีโอกาสมาเล่นละครต่อเนื่อง จริงๆ ที่จบมาก็ได้ใช้นะ คำว่าบริหารธุรกิจมันก็คือการบริหารคน การประนีประนอมให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุด เช่นในกองละคร ทุกคนมีสิ่งที่อยากได้ ผู้กำกับก็อยากได้ภาพที่สวยที่สุดไปตัดต่อ ผมก็อยากแสดงให้ออกมาดีที่สุด คนอื่นก็อยากทำโน่นทำนี่ แต่จะทำยังไงให้ทุกคนได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ อย่างตอนนี้สองเรื่องที่ถ่ายอยู่ คือ “ดอกซ่อนชู้” กับ “สุดแต่ใจจะไขว่คว้า” ทางช่อง 8 บทก็ค่อนข้างต่างกัน แต่การแสดงมันมีเสน่ห์ในทุกๆ บทบาท ถ้าเราทำได้ เราก็จะรู้สึกภูมิใจ
ภาพถ่าย ณ ปัจจุบัน
ชีวิตผมตอนนี้เหมือนภาพถ่ายของ “ม้าที่กำลังวิ่งอยู่ มีฝุ่นควันตลบ” เพราะผมเกิดปีม้า และเป็นม้าหนุ่มที่ยังต้องการเรียนรู้อะไรในโลกใบนี้อีกเยอะเลย ก็ยังต้องวิ่งต่อไปอย่างเต็มที่เพื่อหาคำตอบที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันถูกหรือเปล่า แต่มันคือการฝึกฝนตัวเองให้แข็งแรงขึ้น ถ้าให้มองย้อนกลับไปในตอนเรียนที่มอ ผมก็อยากจะเปิดโอกาสให้ตัวเองมากกว่านี้ ตอนนั้นใครชวนทำอะไรผมจะรู้สึกเหนื่อย ขี้เกียจ แต่จริงๆ ชีวิตในวัยเรียนมันแค่สี่ปี ใครชวนไปทำอะไรอยากให้ลองทำอะ คบเพื่อนก็อย่าปิดใจ บางทีคนที่ดูเข้ากับเราไม่ได้ แต่จริงๆ เขาอาจจะเรื่องอะไรที่น่าแปลกใจมาเซอร์ไพร์สเราก็ได้ เพราะฉะนั้นอยากฝากถึงน้องๆ ตอนนี้เลยว่าอย่าปิดโอกาสตัวเอง มีเรื่องอะไรให้เซย์เยสไว้เยอะๆ อย่าเซย์โน