กับความเป็นหนุ่มสุดเนิร์ดเด็กวิทย์กีฬาฯ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ทั้งทดลองวิจัยในแล็ปและลงมืออะเลิร์ดในแบบนักกีฬารุ่นใหม่ แม้งานในวงการจะเยอะ แต่หนุ่มคนนี้เขาก็มีเคล็ดลับเฉพาะตัวที่ทำให้PLAY และ LEARN เดินหน้าไปพร้อมๆ กันได้อย่างลงตัว
จากนักกีฬารุ่นเยาว์มาเป็นออกัสLOVESICK THE SERIES
ช่วงม.ปลาย ตอนนั้นจริงๆ เป็นนักกีฬาเทนนิส ก็เล่นมาตั้งแต่ 12 ขวบ แต่เหมือนว่าเริ่มช้า แล้วทำให้มันไม่ขึ้นถึงระดับโลกซะที เราก็เลยอยากมองหาสิ่งใหม่ๆ ด้วย มีคนบอกว่า LOVESICK เปิดแคส ก็ลองไปดู แต่ไม่เคยเรียนแอคติ้งมาก่อนเลย แต่สุดท้ายก็ได้ หลังจากนั้นก็มีงานมาเรื่อยๆ ทั้งหนังเรื่องคลื่นแทรกผี และตอนนี้ล่าสุด “PART OF LOVE รัก+เกรียน นักเรียน 4 ภาค” ทางช่อง 9 อสมท แนววัยรุ่นเหมือนกัน แต่เรื่องนี้จะรับบทเป็นวัยรุ่นที่ติดโซเชียล แล้วก็หลงว่าตัวเองเก่งอยู่ในโลกโซเชียล แต่ในชีวิตจริงทำอะไรไม่ได้เลย ก็เข้าไปอยู่ในโรงเรียนที่แต่ละคนก็มีความฝันที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็อยากให้ติดตามผลงานเรื่องนี้ของผมด้วยนะครับ
เคยท้อจากการเล่นกีฬา แล้วทำไมตัดสินใจมาเรียนด้านวิทย์กีฬาต่อ
อย่างที่บอกว่าเริ่มเล่นเทนนิสช้า แล้วช่วงที่จะเอนทรานซ์ Admission ก็เลยลังเลว่าเราจะเรียนอะไรดี แต่สุดท้าย ก็คิดว่าจะลองอีกสักตั้ง อยากเข้าไปเรียนทางด้านกีฬาโดยตรง เลยไปเห็นคณะสหเวชศาสตร์ ของธรรมศาสตร์ ในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาการจัดการการกีฬา ซึ่งก็เป็นหลักสูตรเปิดใหม่ ให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการกีฬา เพื่อเป็นครูฝึกสอนทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬา ก็เลยคิดว่าอนาคตอยากเปิดฟิตเนสของตัวเอง ก็เลยลองสอบเข้าโควตานักกีฬาของที่นี่ คือคณะนี้คนจะมองว่าเป็นเด็กวิทย์ แต่จริงๆ สาขาที่ผมเรียนจะเป็นหลักสูตรศิลปศาสตร์ นี้ก็จะไม่ได้เน้นวิทย์นะครับ แต่เน้นพื้นฐานคณิต อังกฤษ ภาษาไทยมากกว่า แล้วก็สอบเล่นกีฬา ซึ่งตอนนั้นผมเรียนสายศิลป์ภาษามา ทางด้านวิชาการก็พอสอบผ่าน ส่วนกีฬาก็ไปสอบเล่นเทนนิส ซึ่งตอนสอบก็ค่อนข้างยาก แพ้ไม่ได้ด้วย มีคนสอบเกือบ 30 คน เล่นแค่วันเดียว 4 แมตซ์ แต่ก็ชนะจนได้เข้ารอบไปชิงกับคนที่เป็นทีมชาติ ก็แพ้ตอนรอบชิง แต่ว่าก็ได้เข้าโควตา เพราะเขาเลือกผู้ชายสองคน
ช่วงนั้น LOVESICK เพิ่งเริ่มฮอต แล้วการเรียนล่ะ เป็นเส้นกราฟแบบไหน
โชคดีมาก ที่ช่วงปี 1 ยังชิลล์ๆ อยู่ เพราะมันเรียนแค่วิชาพื้นฐานที่เราก็เคยมีความรู้มาบ้างแล้ว ก็แอบมีเกเรบ้าง 55 แล้วโดยรวมๆ สาขานี้ค่อนข้างจะเน้นภาษาอังกฤษ เพราะเป็นการเรียนทางด้านธุรกิจกีฬา ในการทำงานต่างๆ ก็น่าจะต้องใช้ภาษาเยอะ แต่พอตอนนี้ปี 2 แล้วก็เริ่มยากขึ้นนะ มีเรียนทางด้านสาขามากขึ้น จะเน้นการจัดแข่งขันเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผมก็โอเคกับวิชากีฬานะ แต่จะยากตรงวิชาทางด้านวิทย์นี่แหละ ที่จะมีเพิ่มขึ้นมา โดยเฉพาะแล็ปร่างกายมนุษย์(Anatomy) เรียนเกี่ยวกับร่างกายทุกส่วน และมีเป็นศัพท์เฉพาะเยอะ แค่ข้อมือก็สิบชื่อแล้ว อาจารย์ชี้ตรงไหน เราต้องบอกได้ ผมไม่ค่อยถนัดความจำเท่าไหร่ ทำงานก็เครียดอยู่แล้ว บทก็ต้องจำ ยังมีเรื่องระเบียบในกองอีก จริงๆ ตอนนี้บางทีทำงานเสร็จแล้วอยากทำอะไรที่ชอบก็ไม่ได้แล้ว เพราะเราโตขึ้น มีภาระหน้าที่หลายอย่าง ก็ต้องแบ่งเวลาให้ได้ เพราะว่าเรียนทุกวัน แล้วก็ทำงานเสาร์อาทิตย์ บางทีแล็ปก็ไม่ค่อยได้เข้า ก็ต้องอาศัยถามจากเพื่อนๆ และคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาเยอะๆ
นิยามความเป็นเด็กเนิร์ดในแบบสหเวชฯ
ถ้าเทียบกับทุกสาขาในคณะสหเวชฯ ผมว่าสาขาผมเรียนเบาสุดแล้วครับ เด็กสาขาอื่นอย่างเทคนิคการแพทย์หรือกายภาพบำบัด ค่อนข้างจะเนิร์ดๆ เรียบร้อยกัน แต่มาเจอสาขาเรานี่กระโดกกระเดก 55 เป็นเด็กเนิร์ดในแบบนักกีฬา คือทุกคนเป็นนักกีฬาหมด ผู้หญิงก็ห้าว ลุยๆ คือกิจกรรมเด่น ด้านกีฬาก็ได้เปรียบ นักกีฬาทั้งนั้น แต่ด้านวิชาการก็ได้นะ ได้ทั้งสองอย่าง อย่างกลุ่มผมที่สนิทตอนนี้ก็มีกัน 6-7 คน ชายล้วน เป็นนักกีฬาบาสฯ หมด ไลฟ์สไตล์ของพวกเราส่วนใหญ่ชอบไปเล่นกีฬา หรือเข้าฟิตเนส ต้องหิ้วชุดวอร์มมาเรียนทุกวัน ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ที่รู้เลยว่านี่เด็กวิทย์กีฬาฯ
ในฐานะรุ่นพี่ปี 2 อยากฝากอะไรเชิญชวนน้องๆ บ้าง
อยากให้น้องๆ ที่สนใจในคณะนี้เข้ามากันเยอะๆ เพราะทุกคนต้อนรับเราดีมาก แล้วเราก็ถูกปลูกฝังให้สามัคคีและช่วยเหลือกันตลอด ส่วนคนที่สนใจสาขากีฬาโดยเฉพาะ ก็อยากให้เตรียมร่างกายมาให้พร้อมด้วย เพราะว่านอกจากวิชาการแล้ว ก็ยังต้องมีเรียนปฎิบัติทางกีฬา ซึ่งก็ดูแลตัวเองให้ร่างกายแข็งแรง อีกอย่างสังคมมหาวิทยาลัยไม่เหมือนที่โรงเรียน เพราะเราโตแล้ว อาจารย์จะค่อนข้างปล่อย เราก็ต้องมีความรับผิดชอบและมีระเบียบวินัยในตัวเอง