สาวสดใสที่หน้าตายังอ่อนวัยตลอดเวลา พัฒนาฝีมือทางการแสดงไปพร้อมๆ กับการเรียนศิลปศาสตร์ด้านภาษา ถ้าไม่บอกใครๆ ก็นึกว่าเธอยังเรียนมหา'ลัยไม่จบ ทั้งๆ ที่ความจริงเรียนจบมาแล้วหนึ่งปีเต็ม และก้าวไปสู่การเป็นนักแสดงเต็มตัว กับบทบาทท้าทายใหม่ในซีรีส์ Bangkok รัก Stories ตอน Please ทางช่อง GMM25
แบ่งเวลาเรียนรู้จนได้เกียรตินิยมอันดับ 2
จบด้านภาษาที่คณะศิลปศาสตร์ มหิดล รู้สึกว่าชอบนะ ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน ชีวิตในมหา'ลัยก็ได้เจอเพื่อนๆ ที่มีความชอบเหมือนกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันติว อาจารย์ทุกท่านก็ตั้งใจสอนมาก บางคนบอกว่า เข้ามหา'ลัยอาจารย์จะปล่อย เขาไม่ตามงานหรอก ตัดภาพมานี่ตามงานทุกคน (ยิ้ม) อาจารย์เหมือนคุณแม่ด้วย คอยดูแลปรึกษาได้ทุกเรื่อง ตอนใกล้จบก็หนักเหมือนกัน เพราะทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย แล้วมหิดลคือวิชาหนึ่งขาดเกินสามครั้งหมดสิทธิ์สอบ หนูเลยไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ต้องไปเรียนให้ได้ ก็สู้ผ่านมาได้ คือหนูเป็นคนที่ทำอะไรก็ต้องทำให้เต็มที่ เราเลือกแล้วว่าเราจะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็ต้องไม่ทิ้งอะไรเลย เวลาไปกอง มีเวลาพัก ก็ต้องอ่านหนังสือ ทำผม กินข้าว ก็จะหยิบหนังสือมาอ่าน เพราะรู้ตัวว่าเป็นคนไม่ได้เก่ง เน้นขยันอ่านหลายๆ รอบ จริงๆ หวังเกียรตินิยมอันดับ 1 แต่ก็สู้จนสุดทางได้เท่านี้ก็ดีใจแล้ว
บัณฑิตที่กลายมาเป็นนักแสดงเต็มตัว
สิ่งที่เราเรียนก็สามารถดึงมาใช้ได้ เพราะศิลปศาสตร์ไม่ได้สอนแค่ภาษา แต่ยังสอนเรื่องความหลากหลายของวัฒนธรรม การทำงานกับคนเยอะๆ ซึ่งงานแสดงก็ดึงจุดนี้มาใช้ได้ การทำงานของหนูแค่ต้องมีความรับผิดชอบและทำงานให้เต็มที่ที่สุด เวลาเราเจองานใหม่ๆ เราเจอสิ่งที่คาดไม่ถึงเยอะ เราก็ต้องมีสติเตรียมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ละบทบาทที่ได้รับมาก็จะทำการบ้านทุกครั้ง อ่านบทดูตัวละครว่ามันดำเนินเรื่องไปในทิศทางไหน คุยกับพี่ผู้กำกับ แล้วถ้ามีเวลาก็ไปเรียนการแสดงเพิ่ม รู้สึกยากขึ้นทุกงาน อย่างเรื่องล่าสุดก็ต้องปรับคาแรกเตอร์หลายอย่าง แต่มันก็เป็นโอกาสใหม่ๆ ที่สนุกและท้าทายตัวเอง
สาวหน้าอ่อนนักวางแผนเป็นสเต็ป
เวลาว่างหนูชอบอ่านหนังสือ อ่านแนวจิตวิทยา เทคนิคทฤษฎีใหม่ๆ เก็บเป็นความรู้ แต่เวลาทำงานก็จริงจัง หนูเป็นคนวางแผน วันนี้หนึ่งสองสามสี่ทำอะไรบ้าง แล้วก็พยายามทำอย่างที่ตัวเองตั้งเป้าไว้ ชีวิตหนูค่อนข้างมีสเต็ป อย่างเวลามีปัญหาอะไร หนูจะปรึกษาตัวเองนะ (หัวเราะ) ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง ฟังคนอื่นไปก็แก้ไม่ได้ เราต้องมีสติค่อยๆ คิด อย่าตัดสินใจตอนโกรธ แล้วก็อย่าสัญญาตอนดีใจ (ยิ้ม) คติที่ยึดไว้เลย ตอนนี้งานหลักก็คืองานแสดง เราหลงใหลในงานแสดงไปแล้ว ก็ทำให้เต็มที่ ส่วนเรื่องเรียนต่อยังมองหาสิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะกับเราที่สุดอยู่ ขอเวลาสักพัก แล้วก็มีโอกาสได้ทำธุรกิจ เป็นแบรนด์เสื้อผ้าได้ลองเข้ามาทำตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลย เป็นอะไรที่เราตื่นเต้นอยากจะลองเรียนรู้ต่อไป
