สาวสวยผู้มีด้วยใจรักในงานบริการ และไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวสุดชิคในแบบเด็กท่องเที่ยวรุ่นใหม่

จุดเริ่มต้นเป็นสาวการโรงแรม
ที่เลือกคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม สาขาการโรงแรม เพราะว่าชอบเกี่ยวกับการบริการอยู่แล้ว อยากจะศึกษาดูว่าการบริการที่ดีเป็นยังไง ทำยังไงให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีจากเรา พอได้สมัครครั้งแรกที่ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ อาจารย์หลายๆ ท่านก็ให้คำแนะนำที่ดีมาก ก็เลยตัดสินใจเรียนที่นี่
แรกเข้าในแบบที่ใช่
เข้ามาเรียนจริงๆ เป็นแบบที่ฝันมาก มันใช่เลย อาจารย์ก็ดูแลเอาใจใส่เราในทุกวิชาที่เรียน การเรียนก็คือเน้นงานบริการ ต้อนรับ โดยเฉพาะงานเสิร์ฟ จะมีวิชาสอนการบริการอาหารและเครื่องดื่ม หนูชอบมาก มันดูดีเวลาพนักงานไปเสิร์ฟตามโรงแรมใหญ่ๆ ที่จะไม่เหมือนเสิร์ฟอาหารทั่วไป แต่ว่ามันมีขั้นตอนที่เป็นระเบียบ เสริมสร้างบุคลิกภาพให้เราด้วย แต่ส่วนที่ยากจริงๆ น่าจะเป็นวิชาบริหารจัดการบัญชี ที่เรียนเผื่อเราจะไปเปิดกิจการของตัวเอง ก็ยากเพราะเราไม่ได้มาทางสายนี้โดยตรง
การเรียนขึ้นปี 3 ณ ปัจจุบัน
ตอนนี้ก็ยากขึ้น ยากขึ้นทุกปีนะ (หัวเราะ) แต่เราก็ยังสนุกไปกับการเรียนได้ ช่วงนี้หลักๆ เลยเน้นหนักการบริการอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก ในคลาสเรียนจะสอนขั้นตอนการเสิร์ฟต่างๆ ซึ่งอาจารย์จะค่อนข้างเข้มงวดเพื่อให้การทำงานของเราออกมาดูดี ให้คนนอกเขามองเราเข้ามาดีที่สุด เรียนไปแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยชิน แต่พอเรียนไปจนถึงปี 3 แล้วก็เริ่มเข้าใจและสนุกไปกับมัน

บรรยากาศในคลาสเรียน
ในหลักสูตรปกติคือเรียนปี 1 จะเน้นทฤษฎี ส่วนปี 2 จะเริ่มออกไปศึกษานอกสถานที่ แล้วปี 3 ถึงกลับมาเข้าปฎิบัติในม.ค่ะ แต่ด้วยความที่หนูเทียบโอนมาจากปวส. คือเรียนทางด้านนี้มาอยู่แล้ว ก็ผ่านการฝึกงานมาแล้ว ตอนเรียนปวส.ได้ไปฝึกงานที่โรงแรม ก็คือฝึกวนทุกแผนกตั้งแต่ส่วนแม่บ้าน จัดดอกไม้ พนักงานเสิร์ฟ แล้วก็หน้าฟร้อนท์ มันก็หนักมาก มันจะหนักตรงส่วนแม่บ้านที่เด็กฝึกงานจะต้องรับผิดชอบ 10-20 ห้อง แต่เราก็ต้องทำทุกอย่างโดยมีพี่เลี้ยงคอยคุมอยู่ แต่ก็สนุกในส่วนของพนักงานต้อนรับกับการเสิร์ฟ นอกจากโรงแรม ตอนนั้นก็มีไปเสิร์ฟที่วังสวนกุหลาบและวังรื่นฤดีด้วย เลยคิดว่าเป็นความชอบต่อยอดมาถึงมหา’ลัย ตอนนี้ปี 3 ก็คือเน้นฝึกปฎิบัติที่โรงแรม DPU ช่วงเช้า แล้วแต่ช่วงศุกร์ เสาร์หรืออาทิตย์ใครจะได้รับวันไหนไป

ชาวแก๊งค์การท่องเที่ยวและการโรงแรม
ที่นี่จะมีสองสาขาคือการท่องเที่ยวกับการโรงแรมค่ะ แต่ละสาขาเด็กจะสไตล์ค่อนข้างต่างกัน แต่เรียนด้วยกัน ควบคู่กันไป แต่ทำงานต่างกัน ของท่องเที่ยวจะเน้นการเรียนเป็นไกด์นำทัวร์ ส่วนของเราเน้นการบริการ การท่องเที่ยวจะแนวอะเลิร์ด พุ่งๆ (หัวเราะ) ของเราจะนิ่งๆ เงียบๆ เป็นระเบียบ แล้วคือของการโรงแรมผู้หญิงจะเยอะกว่า ส่วนการท่องเที่ยวผู้ชายจะเยอะกว่าค่ะ แก๊งค์หนูก็กลุ่มใหญ่เหมือนกัน ประมาณ 12 คน สนิทกันตั้งแต่ตอนปวส.แล้ว ก็ช่วยกันเรียน ช่วยกันทำงานกลุ่ม หรือบางทีก็มีนัดกันไปทำงานพาร์ทไทม์ตามโรงแรมที่อาจารย์แนะนำบ้าง คือจะเข้าไปทำเป็นกะๆ บางทีแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น หรือบ่ายสองถึงสี่ทุ่ม พอได้ทำพาร์ทไทม์ได้เจอคนหลายแบบ ได้รู้ว่าคนนี้เป็นแบบนี้ บางทีเขาก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวัง บางครั้งเราจะทำตามใจเราไม่ได้ ก็ต้องทำตามกฎตามระเบียบของเขา ก็ทำให้เราเข้าใจโลกมากขึ้น (ยิ้ม)

อนาคตสาวสวยผู้รักงานบริการ
ที่มองไว้อยากไปทำงานที่โรงแรมแถวภูเก็ต (ยิ้ม) อยากไปพบปะชาวต่างชาติมากกว่าคนไทย เพราะหนูพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่ง ถ้าลงไปตามที่ๆ มีชาวต่างชาติเยอะๆ ก็คิดว่าน่าจะได้ฝึกภาษา ฝึกพูดและได้ประสบการณ์มากขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากที่ได้มาเรียนคณะนี้
การเรียนที่นี่มันเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้ชีวิตของเรา ทำให้เราได้ประสบการณ์จากสถานที่ จากผู้คนใหม่ๆ รู้จักปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของคนทำงานบริการ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือเราพัฒนาตัวเองมากขึ้น ในเรื่องของจิตใจ นิสัยใจคอ รวมถึงบุคลิกภาพด้วย จากที่เคยเป็นเด็กแว๊นแถวบ้านที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร พอมาเรียนก็เริ่มดีขึ้น เป็นคนสุขุมมากขึ้น
ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยววันพักผ่อน
ปกติหนูก็ชอบเที่ยว ส่วนใหญ่ก็จะไปต่างจังหวัดในประเทศไทยเรานี่แหละ ไม่ได้ออกต่างประเทศ ชอบเที่ยวไทย รู้สึกยังเที่ยวไทยไม่หมดเลย แล้วธรรมชาติกับอากาศก็ดีกว่ากทม. เวลาตื่นนอนขึ้นมา ถ้าเราอยู่ในกทม. ตื่นขึ้นมาก็ไม่อยากทำอะไรล่ะ ออกไปข้างนอกก็เจอแต่มลพิษ แต่พออยู่ต่างจังหวัด เจอทะเล ภูเขา ก็อยากตื่นเช้าขึ้นมาสูดอากาศข้างนอก อยากไปกินข้าวเช้า ไปเดินเล่นหรือออกกำลังกาย ที่ผ่านมาก็ไปภาคใต้ซะส่วนใหญ่ มีไปภาคเหนือบ้าง แต่ภาคกลางไม่ค่อยได้ไป อย่างทริปประทับใจก็จะเป็นทริปตอนที่นัดกันไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ตอนจบปวส. ไปทะเลกัน 5 วัน มีอุปสรรคบ้างตรงติดพายุออกไปไม่ได้ แต่ก็ได้ประสบการณ์กลับมาเยอะ แก๊งค์พวกหนูไปส่วนใหญ่จะไม่เน้นกิน แต่จะเน้นดูสถานที่โน่นนี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง เน้นเที่ยวแล้วก็ถ่ายภาพตามจุดต่างๆ

การเตรียมแพลนในแต่ละทริป
เวลาไปแต่ละทริปก็จะดูจากสถานที่ที่เคยไปแล้วส่วนใหญ่ก็จะไม่ไปอีกก็จะเลือกที่ไม่เคยไป แล้วก็เอามาโหวตกันกับเพื่อนๆ ว่าอยากไปที่ไหน เตรียมตัวไปเที่ยวเน้นเช็กสุขภาพตัวเองก่อนเลย (ยิ้ม) ช่วงนี้ป่วยบ่อยเหมือนกัน ต้องไปเช็กไปตรวจก่อน จะได้ไปเที่ยวแบบสนุกๆ ไม่ลำบาก ของที่เตรียมสำคัญเลยต้องเป็นยาต่างๆ พวกยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ เพราะหนูจะมีเรื่องแพ้อาหารทะเลด้วยที่เป็นปัญหามากกว่าคนอื่น แล้วก็ที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้องที่ต้องพกตลอด จริงๆ หนูชอบถ่ายเซลฟี่ตัวเองนะ แต่พอเอากล้องไปทีไรไม่เคยได้ถ่ายตัวเอง (หัวเราะ) ก็จะต้องถ่ายให้เพื่อนมากกว่า วิวถ่ายส่วนน้อย เราเน้นวิวเป็นแบ็กกราวน์
คำแนะนำจากเด็กสายท่องเที่ยวรุ่นใหม่
หนูว่าการท่องเที่ยวเดี๋ยวนี้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เพราะว่ามีสื่อออนไลน์เป็นสื่อนำ สามารถเลือกดูผ่านเว็บไซต์ จองสถานที่ต่างๆ ได้ ถ้าจองเป็นกรุ๊ปก็จะราคาถูกเข้าไปอีก ถ้าไปเที่ยวเองแบบรักสันโดษ ราคาก็จะแพงหน่อย ก็อยู่ที่เราเลือก สำหรับนักเดินทางอยากแนะนำให้ไปแบบแบ็คแพ็คเกอร์ ไม่ต้องแพลนว่าจะนอนที่ไหน ถึงจุดไหนตอนค่ำๆ ได้ที่พักที่ไหนก็พักที่นั่น มันก็สนุกได้ฟิวดี แต่มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องระวัง ข้อดีคือมันง่ายสะดวกประหยัด แต่ข้อเสียคือมันก็ต้องระมัดระวังอันตรายเหมือนกัน ที่สำคัญถ้าเป็นผู้หญิงยังวัยรุ่นอยู่ก็ไม่อยากให้ไปคนเดียว ควรแพ็คกระเป๋าไปกับกลุ่มเพื่อนๆ จะปลอดภัยกว่า มีอะไรก็ช่วยเหลือกันได้ หนูเองก็อยากไปกับเพื่อนๆ แบบนี้ แต่ช่วงนี้ยังไม่มีเวลา แต่ถ้าว่างก็จะลองไปแบบนี้บ้าง

FIRST OF FARSAI
ชื่อ :ฟ้าใส-นภาพร กันยา
การศึกษา : ปี 3 คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม สาขาการโรงแรม ม.ธุรกิจบัณฑิตย์
วันเกิด : 16 กรกฎาคม 2534
ส่วนสูง:166 ซม.
น้ำหนัก:50 กก.
นิยามสามคำบอกความเป็นชาวมอ :D P U
คติประจำใจเวลาเรียน :ทำทุกวันให้เสมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต
ฉายาประจำแก๊งค์ในมอ : โก๊ะ
สิ่งที่อยากให้ปรับปรุงในมอของเรา : ที่จอดรถน้อยไป
เป้าหมายในอนาคต : เป็นเจ้าของธุรกิจ
ผลงาน :Automobile
FACEBOOK :นิภาพร กันยา