อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง ตี๋หล่อผู้มีบุคลิกมุ่งมั่น จริงจัง ที่เข้าเรียนในนิเทศฯ อินเตอร์ จุฬาฯ แต่อีกด้านก็สนใจในวิชารัฐศาสตร์และการปกครอง จากเด็กน้อยอวบอ้วนที่ไม่เคยคิดเข้ามาในวงการบันเทิง มาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย
แรกเข้านิเทศฯ อินเตอร์ ความเฟรนลี่ที่กลายเป็นความประทับใจ
ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเข้าอะไรนะ แต่ที่บ้านอยากให้เข้ามหา’ลัยดีๆ แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องก็เรียนหมอที่จุฬาฯ กับเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ตอนนั้นเราเรียนโรงเรียนอินเตอร์อยู่แล้ว ก็เลยว่าจะเลือกสองอย่าง คือ นิเทศฯ อินเตอร์ กับ BBA แต่พอตอนไปที่นิเทศฯ ครั้งแรก บรรยากาศค่อนข้างเฟรนลี่ เข้าไปเหมือนบ้าน ก็ถูกใจ ไม่เหมือนไปยื่นที่ BBA ดูเครียดมากกว่า พอสอบติดนิเทศฯ ก็เอาเลย พอมาเรียนก็สนุกมาก มีกิจกรรมมากมายให้ทำทุกวัน ชอบในฟิลลิ่งที่ได้มีงานทำ ไม่ใช่นั่งอยู่แค่หน้าคอม ผ่านไปสี่ปีไวเหมือนโกหก เราก็ทำทั้งกิจกรรมและเรียนควบคู่ไปด้วย สิ่งที่นิเทศฯ สอนก็คือเรื่องความจริงจัง ทั้งเรื่องที่ไม่จริงจัง ทำให้มันจริงจังได้ แล้วก็เรื่องที่จริงจังเราก็จริงจังได้เหมือนกัน
จากความไม่คาดหวัง มาเป็นความสนใจที่อยากจะลอง
เอาจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะเข้าวงการบันเทิง แบบตอนเด็กอ้วนอะ (หัวเราะ) แต่พอปี 1 ได้ทำละคร ทำกิจกรรม แล้วก็เลยมีรุ่นพี่ดึงเข้ามาทำงาน ซึ่งผมก็คิดแค่ว่ามันเป็นงานที่ผมทำแล้วมีความสุข ได้อยู่กับคนที่เข้าใจ เหมือนได้อยู่กับรุ่นพี่ๆ ที่เขาแคร์ เขาเข้าใจเรา ก็รู้สึกดีที่ได้ทำตรงนี้มากกว่า อย่างที่ผ่านมาจะเป็นแค่ชิมลางไวรอลสั้นๆ แต่ตอนนี้กำลังถ่ายภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่องแรก “Sugar Café เปิดตำรับรัก นายหน้าหวาน” ทางช่อง MONO 29 แล้วก็กำลังจะมีเป็นซีรีส์อื่นๆ ตามมาด้วยก็เลยรู้สึกว่าศาสตร์การแสดงเป็นอะไรที่น่าสนใจ คนหนึ่งคนเกิดมา เขาก็มีคาแรกเตอร์ของเขา ทำยังไงให้เรากลายเป็นอีกคนได้ มันก็ต้องผ่านการเวิร์คช้อป การเข้าถึงตัวละครนั้นๆ ซึ่งมันก็ท้าทายและสนุกที่ได้ลองทำ
หนุ่มสองบุคลิกกับความฝันอีกด้านที่จริงจัง
ตอนนี้จบแล้ว ผมอยากสนใจอยากเรียนต่อด้านรัฐศาสตร์และการปกครอง ที่ลอนดอน แต่วงการก็ยังทำต่อไป เหมือนนิเทศฯ ก็ซัพพอร์ตให้เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้ อีกอย่างที่ชอบทำ คือ การท่องเที่ยวไปให้ทั่ว รู้สึกว่าการเดินทางทำให้เราได้เห็นโลกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวในไทยหรือต่างประเทศก็แล้วแต่ มันทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่ยังมีคนที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่ แม้กระทั่งในกรุงเทพฯ เองก็ตาม มีสลัมที่มีคุณภาพชีวิตต่างจากพวกเราเยอะ เขาไม่มีโอกาสเท่าพวกเรา เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีโอกาสช่วยเขาได้ มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราควรจะทำ มนุษย์กันเอง ถ้าไม่ช่วยกัน แล้วใครจะมาช่วยพวกเรา