เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันจากบท “เจ็ท” รุ่นน้องหนุ่มที่หลงรักสาวใหม่ในละคร “นางสาวไม่จำกัดนามสกุล” กับจุดเริ่มต้นของการเรียนคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และการได้มาทำงานในวงการบันเทิง ได้ทำสิ่งที่ตัวเองรักทั้งสองอย่างควบคู่ไปพร้อมๆ กัน
เส้นทางสายสัตวแพทย์ที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก
ก่อนเลือกคณะก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่พอถึงปีหนึ่งที่น้ำท่วมพอดี แล้วมีเวลาอยู่กับตัวเองเยอะ ก็ทำให้มานั่งคิดว่าจริงๆ แล้วเราชอบด้านสัตวแพทย์นะ เพราะเราคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ชอบดูสารคดี คุณพ่อก็เป็นสัตวแพทย์ แล้วก็คลินิกอยู่แล้ว ก็มีโอกาสได้คลุกคลีกับคุณพ่อตอนเด็กๆ พอเข้าไปเรียนจริงๆ ก็ยากเหมือนกัน เรียนทั้งหมด 6 ปี ต้องใช้ความพยายามเยอะ เนื้อหาก็เยอะ ทุกอย่างต้องใช้ความอดทนล้วนๆ แต่มันก็ไม่ได้หนักจนเกินจะรับไหว ทุกคนก็ต้องอ่านหนังสือกันหมด แต่ทุกคนก็พร้อมจะสู้ไปด้วยกัน เราก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน ในมหา’ลัยทำให้เราได้ประสบการณ์หลายๆ อย่าง ทั้งกิจกรรม ทั้งเรียน ทั้งการฝึกงาน แล้วทุกวิชาในมหา’ลัยที่เราได้เรียนมันก็เอามาใช้หมด ไม่ว่าจะเป็นวิชาพื้นฐานตอนปี 1-2 ตอนนั้นเราเรียนแล้วไม่อิน เรียนลึกเกินไป ดูไม่น่าใช้ได้จริง แต่มาเรียนปี 5-6 มันได้ขึ้นคลินิก เออ วิชาพวกนั้นก็ได้เอามาใช้จริงๆ ไม่ได้เสียเปล่าเลย
จากคุณหมอหน้าใสกลายมาเป็นนักแสดงหน้าใหม่
ปี 1-2 ไม่คิดว่าจะเป็นนักแสดงเลยครับ แบบเราเรียนสายวิทย์ฯ มาตลอด เราเล่นไม่ได้หรอก เราขี้อาย ไม่ชอบให้สายตาใครมาจับจ้องเรา แต่พอขึ้นปี 6 ได้มีโอกาสเซ็นต์สัญญากับช่อง ONE31 เหมือนตอนนั้นเราก็ปรึกษาคุณแม่สุดท้ายก็ตัดสินใจลองทำดู จำได้ว่าเรียนการแสดงครั้งแรก งงมั้ง ไม่ค่อยเก็ตเท่าไหร่ แต่พอค่อยๆ เรียนไป ก็พยายามทำความเข้าใจกับมันให้ได้ เหมือนพอเราทำงานไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มชิน พอเราทำแล้ว เราทำได้ ก็เลยรู้สึกสนุกกับมัน
ทำงานที่รักทั้งสองอย่างควบคู่กันไป
ตอนนี้ก็มีถ่ายละครเรื่องใหม่ แล้วก็ทำงานเป็นสัตวแพทย์ที่ Hato Clinic ด้วย สำหรับการทำงานทั้งอย่าง มันก็คนละขั้วกันเลยนะ อย่างสัตวแพทย์ ตอนเรียนกับการทำงานจริงก็แตกต่างกันเยอะ เราก็ต้องปรับตัวในการทำงาน ซึ่งบางทีมันก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง เราก็ต้องมาอะแดปเอามาทดแทนให้ได้ผลดีที่สุด เพราะวิธีการอาจจะไม่ได้ตรงกับหนังสือที่เราเรียนมา 100% แต่สัตวแพทย์ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สักวันเราอาจจะไปแสดงเป็นสัตวแพทย์ก็ได้ ก็คิดว่ามันเอาไปใช้ในการแสดงได้ แต่ถ้าถามว่า ชอบด้านไหนมากกว่า ก็คงชอบทั้งคู่เพราะรู้สึกว่าเราก็ทำได้ดีทั้งสองอย่าง งานบันเทิงถ้ามีโอกาสก็ยังอยากทำอยู่ มันก็สนุกไปอีกแบบ ส่วนการเป็นสัตวแพทย์ ชอบตรงที่เวลาเรารักษาน้องหมา แล้วเขาหายดี มีฟีดแบ็กกลับมาว่าน้องดีขึ้นมาก เจ้าของก็แฮปปี้ ก็ทำให้เรามีความสุขไปด้วย