หากใครเป็นแฟนซีรีส์แนวสยองขวัญสั่นประสาทอย่าง “American Horror Story” โดยเฉพาะในซีซั่น 3 คงจะคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดีสำหรับ “The Buckner Mansion” คฤหาสน์เก่าแก่ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งในปัจจุบันคฤหาสน์หลังนี้ก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก เพื่อเป็นการตามรอยซีรีส์แนวผีสุดฮิตเรื่องนั้นนั่นเอง
และหากคุณเป็นแขกผู้เข้าพักในคฤหาสน์ แล้วได้พบเห็นสาวใช้ผิวสีในชุดโบราณเดินไปเดินมาอยู่ภายในคฤหาสน์ล่ะก็ ถือว่าเป็นคุณโชคดีเป็นอย่างมาก เพราะเธอเป็นสาวใช้ที่ทำงานที่นี่มาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หรือประมาณปี 1800 กว่า โน่นเลย…ใช่แล้วเธอคือ ผี
สาวใช้คนนี้มีนามว่า “โจเซฟีน” เธอเป็นสาวใช้ผิวสีที่ทำงานรับใช้ครอบครัวของเจ้าของคฤหาสน์ Buckner มาตั้งแต่มันถูกสร้างขึ้นในปี 1856 โน่นเลย ซึ่งเจ้าของบ้านกับครอบครัวเมตตาเธอมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะผูกพันกับคฤหาสน์หลังนี้จนไม่อยากจากไปไหน โจเซฟีนทำงานที่นี่มาตั้งแต่ครั้งยังเป็นทาส จนกระทั่งหลังสงครามกลางเมืองทาสทุกคนได้รับอิสรภาพ แต่เธอก็ยังสมัครใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อ…และเธอก็ตายที่นี่….
แขกผู้เข้าพักที่คฤหาสน์หลายคนรายงานตรงกันว่า พวกเขามักจะได้กลิ่นมะนาว (ซึ่งเป็นกลิ่นน้ำหอมของโจเซฟีน) อยู่บ่อยครั้งทั้งในยามตื่นนอนตอนเช้า และก่อนนอน ดูเหมือนกับว่าใครบางคน(หรือบางสิ่ง) กำลังทำงานของเธอเหมือนในสมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่ , และในบางครั้งแขกผู้เข้าพักก็อาจจะได้สัมผัสกับปรากฏการณ์แปลกๆ ที่หาคำอธิบายไม่ได้ เป็นต้นว่า ประตูเปิดหรือปิดเองได้ , ไฟที่สว่างและดับเองเหมือนมีคนไปกดสวิตซ์ และที่ชัดเจนที่สุดคือ มีหลายๆ คนที่มองเห็นสาวใช้โจเซฟีนในชุดเต็มยศ กำลังเดินไปเดินมาในตัวบ้าน หรือบางครั้งก็อาจจะเห็นเธอยืนที่หน้าต่างด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย และสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ยอมไปจากคฤหาสน์หลังนี้สักที เชื่อกันว่านอกจากความผูกพันกับตัวบ้านแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะเธอคิดถึงลูกของเธอที่ตายไปในระหว่างคลอดด้วย…ก็เป็นได้
