ในเขตเมือง เอลเลน เคาตี้ , รัฐเคนตั๊กกี้ ช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกัน มีบ้านหลังหนึ่งซึ่งเจ้าของบ้านเป็นชายผู้มั่งคั่ง ในบ้านของเขาเลี้ยงทาสผิวดำไว้กว่า 15 คน ซึ่งเขามักจะปกครองทาสของเขาด้วยความเด็ดขาดและเหี้ยมโหด เช่นแม้กระทั้งการทำผิดเล็กๆ น้อยๆ ก็จะถูกเฆี่ยน เป็นต้น แต่ในระยะหลังจากเกิดสงคราม เขาได้เปลี่ยนมาเป็นการขังพวกทาสไว้ในห้องใต้ดิน ให้อดข้าวอดน้ำแทน หากพวกทาสทำความผิด
อย่างไรก็ตามในช่วงท้ายของสงคราม ทาสของเขาส่วนใหญ่ได้หลบหนีออกไปจากบ้านจนเกือบหมดในคืนหนึ่ง ยกเว้นสองคนที่ถูกลงโทษอยู่ในห้องใต้ดิน ด้วยความโกรธชายเจ้าของบ้านสังหารทาสที่เหลือทั้งสองทิ้งแล้วหมกศพของพวกเขาไว้ในห้องใต้ดินแห่งนั้น ก่อนจะปิดตายมันไว้อย่างนั้น ซึ่งต้องบอกว่ากรรมนั้นตามทันติดจรวดเลยทีเดียว เพราะในเวลาต่อมาไม่นานชายเจ้าของบ้านถูกฆ่าตายโดยทหารฝ่ายเหนือ หลังจากเขาเข้าร่วมในสงคราม และปีต่อมาภรรยาของเจ้าของบ้านก็ตายลงไปอีก ทำให้บ้านถูกเปลี่ยนมือ
เจ้าของคนใหม่ของบ้านเป็นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาว พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่นหลังสงคราม โดยที่พวกเขาไม่รู้อดีตของบ้านมาก่อน ตั้งแต่วันแรกที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ก็มักจะได้กลิ่นเหม็นเน่าแปลกๆ ตลบอบอวลในบ้านตลอด มันเป็นกลิ่นที่หาที่มาไม่ได้ และที่แปลกยิ่งกว่านั้น คือ พวกเขามักจะได้ยินเสียงแปลกๆ เช่นเสียงกระซิบกระซาบ เสียงใครบางคนร้องไห้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งแน่นอนว่า หาที่มาไม่ได้เช่นกัน
คืนหนึ่งภรรยาตื่นขึ้นกลางดึก เพราะได้ยินเสียงร้องไห้อีกแล้ว เธอปลุกสามีให้ตื่นขึ้น ชายหนุ่มรีบคว้าเอาปืนขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปดูต้นตอของเสียงน่ารำคาญนั่น ….คืนนั้นเขาไม่ได้กลับมาอีกเลย วันรุ่งขึ้นภรรยาตามหาสามีทั่วบ้านไม่พบ เลยมาค้นด้านล่างของบ้านซึ่งทำให้พบเห็นประตูลับ มันเปิดอ้าออก และภายในห้องนั้น….
มีร่างของสามีเธอนอนตายอยู่ คอของเขาหัก หมุนได้รอบ ดวงตาของชายหนุ่มเหลือกโพลงเหมือนพบเห็นอะไรสยองขวัญก่อนตาย!
ภรรยาของเขาย้ายออกไปแทบจะทันที หลังจากนั้นบ้านก็ได้ถูกประกาศขายอีกครั้ง แต่ไม่มีใครที่จะมาซื้อเลยทั้งที่ราคาถูกมาก มันก็เลยถูกทิ้งให้ร้างไว้ตั้งแต่นั้น วันดีคืนดีก็มักจะมีพวกวัยรุ่นเข้าไปลองของกัน
ซึ่งก็มักจะเจอดีแทบทุกราย!
