คุณเลิฟเล่าว่า.. สมัยผมเรียนอยู่ ม.1 แม่ผมต้องย้ายบ้าน เพราะเจ้าของเก่าเขาจะขายบ้านเช่าหลังนั้น
ครับ แม่เลยไปปรึกษากับน้าชาย และป้า โดยจะรวมเงินกันไปซื้อบ้านถูกๆ สักหลัง แล้วอยู่รวมกัน จะ
ได้ไม่ต้องไปเช่าใครอีก ซึ่งทั้งหมดก็เห็นด้วย รวบรวมเงินกันได้ก้อนหนึ่ง ก็ตระเวนออกหาดูบ้านราคา
ถูกๆ จนไปเจอบ้านหลังหนึ่งอยู่ใกล้กับวัด เป็นบ้านชั้นเดียว ขนาดพอประมาณ มีที่ให้จอดรถได้ 1 คัน
พวกผู้ใหญ่ตกลงซื้อบ้านหลังนี้ทันที ผมได้ยินว่าราคามันไม่แพงมาก แถมยังมีเงินเหลือให้น้าชายไป
ดาวน์รถเก๋งมือสองเก่าๆ ได้อีกคัน เพื่อมาใช้ขับพายายไปโรงพยาบาล เพราะยายแก่แล้ว เป็นหลาย
โรค สรุปในบ้านก็จะมี ผม แม่ น้าชาย ป้า และยาย อยู่
วันแรกที่ย้ายเข้ามา ก็สังเกตุเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้ แต่แม่บอกว่าอย่าไปสนใจ เขา
คงเห็นว่าเราแปลกหน้ามาใหม่ เดี๋ยวก็ชินไปเอง.. พอจัดแจงเอาของเข้าบ้านเสร็จ คืนนั้น ป้าก็ลงมือ
ทำอาหารเลี้ยง ขณะที่กำลังนั่งกินกันอยู่ ก็มีหมาจากไหนไม่รู้มาหอนที่หน้ารั้วบ้าน หอนไม่หยุด จน
น้าชายต้องเอาก้อนหินไปปาไล่มัน ยายบอกว่า พรุ่งนี้คงต้องไหว้เจ้าที่เจ้าทางสักหน่อยละ แล้วหลัง
จากนั้น เหตุการณ์ก็เหมือนจะปกติ ทุกคนก็มีความสุขดีกับบ้านใหม่ แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้นครับ..
เพราะตลอดเวลา ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง อยู่ปะปนกับพวกเราด้วย แต่ผมพยายามไม่คิด
แล้วเหตุการณ์แปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ยายบอกว่าโดนผีอำบ่อยมาก ทั้งๆ ที่อยู่บ้านเก่าไม่เคยเป็นมา
ก่อนเลย ป้าก็เริ่มป่วยออดๆ แอดๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนผมจะเจอก้อนสำลีปั้นเป็นกลมๆ เล็กๆ ตก
อยู่ตามพื้นบ้านเสมอ ผมก็พยายามกวาดมันทิ้งไปโดยไม่ได้บอกใคร มีบางคืน ยายร้องตื่นขึ้นมาก
ลางดึก เล่าว่ามีผู้ชายเข้ามาบีบคอแก แกร้องไห้ใหญ่เลย บอกว่าจะไม่อยู่แล้ว จะกลับไปเช่าบ้านอยู่
เป็นแบบนี้บ่อยมาก จน แม่ และป้าพากันเครียด ป้าต้องย้ายมานอนเป็นเพื่อนยายทุกคืน ส่วนน้าชาย
ผมก็เริ่มแปลกไปครับ จากคนที่เลิกเหล้ามานาน ก็กลับมากินเหล้าอีก แม่ถาม แกก็ไม่ยอมบอกว่า
เป็นอะไร บางครั้งผมเห็นแกนั่งกินเหล้าอยู่คนเดียว แต่กลับพูดคุยกับใครก็ไม่รู้ไปเรื่อย แม่บอกว่า
อย่าไปสนใจ คนเมาก็ยังงี้แหละ ผมก็พยายามไม่สนใจ..
แต่ไอ้เจ้าก้อนสำลีเล็กๆ ผมก็ยังคงเห็นอยู่ตามพื้นบ้านประจำ
จนมีอยู่คืนหนึ่ง ผมลุกขึ้นมากลางดึกเพราะปวดฉี่ พอทำธุระเสร็จ ผมก็ได้ยินเสียง ‘กึกกักๆ’ อยู่แถว
หน้าบ้าน ตรงที่จอดรถของน้าชาย แวบแรกที่คิดคือ ขโมยแน่ๆ มันอาจจะเข้ามาลักวิทยุในรถ ผมเลย
ค่อยๆ ย่องไปดูที่หน้าต่างหน้าบ้าน ไฟหน้าบ้านที่เปิดไว้ ทำให้ผมเห็นรถที่จอดได้อย่างชัดเจน ผม
เห็นว่าที่หลังรถตรงกระโปรงท้ายมันเผยอออกมา ประมาณ 1 ศอก แล้วมีมือเอื้อมออกมาจากข้างใน
พยายามปิดกระโปรงท้ายรถ ผมพยายามมองให้ถนัดว่าเป็นขโมย หรือใคร? ไม่ถึงอึดใจ ร่างที่อยู่ใน
กระโปรงท้ายรถก็ผลุดขึ้นมานั่ง นั่นคือน้าชายผมเอง ในตอนนั้นผมไม่กลัวนะ แต่ตกใจ และสงสัย ว่า
น้าชายไปทำอะไรตรงนั้น ผมเก็บความสงสัยนี้ไว้ จะถามก็ไม่กล้าถาม.. จนมาอีกวัน ด้วยความอยากรู้
ผมพยายามไม่นอน จนเวลาล่วงเลยมาจนดึกสงัด ..มีเสียงเปิดประตูหน้าบ้านครับ ผมย่องตามออกไป
ดู ใช่แล้วครับ น้าชายผมเอง แกเปิดประตูออกไปที่รถ ไขกุญแจเปิดกระโปรงท้าย แล้วก้าวขาลงไป
จัดท่าทางให้เข้ากับกระโปรงท้ายรถ แล้วค่อยๆ เอนกายนอนลงไป มือค่อยๆ ดึงบานกระโปรงให้ปิด
ลง เหลือแค่ช่องเล็กๆ ไว้ให้พอมีอากาศผ่านเข้าออก คือบอกตรงๆ ว่าสิ่งที่เห็น มันเหมือนผีดิบตอนที่
มันลงไปนอนในโลงไม่มีผิด เหมือนในหนังยังไงยังงั้น ผมขนลุกวาบตัวชาเลย งงว่านี่น้าผมเป็นอะไร
คนปกติจะทำอะไรอย่างนั้นทำไม? คืนนั้นเล่นเอาผมนอนไม่หลับเลยครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้แม่ กับป้าฟัง แต่ผิดคาดครับ แม่ ป้า รวมถึงยายผม รู้เรื่องนี้มา
พักหนึ่งแล้ว แต่ไม่กล้าบอกผม.. ทีนี้ทุกคนในบ้านยกเว้นน้าชาย ต่างสุมหัวกันใช้ความคิด ว่าน้าชาย
เป็นอะไร? แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ น้าชายยังคงมีพฤติกรรมแปลกๆ เหมือนเดิม คือต้องไปนอนใน
กระโปรงท้ายรถ จนยายกับป้าทนต่อไปไม่ได้ เรียกน้าชายมาคุย แต่น้าชายบอกแค่ว่า ‘ชอบนอน
เพราะว่ามันเงียบ และมืดดี..’ จนทุกคนในบ้านจนปัญญาที่จะไปห้ามแก เพราะถ้าห้ามเมื่อไหร่
น้าแกก็จะโวยวายอาละวาดน่ากลัวเหมือนคนบ้าเลย..
จนมาวันหนึ่ง ผมกลับจากโรงเรียนก็เห็นบ้านเงียบผิดปกติ ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน ซึ่งมันไม่เคย
เป็นอย่างนี้มาก่อน ผมเริ่มใจไม่ดี วางกระเป๋า แล้ววิ่งไปถามร้านขายของใกล้ๆ บ้านว่า ‘แม่ ป้า น้า ยาย
ผมไปไหนกันหมดครับ?’ คำตอบที่ได้รับทำเอาผมแทบทรุด น้าชายผมตายแล้วครับ เมื่อตอนสายๆ
แกแขวนคอตายในห้องของแกเอง.. จากนั้น ผมก็รีบตามไปหาแม่ที่วัดใกล้ๆ ทันที ทุกอย่างมันสับสน
มึนงงไปหมด ผมไปดูศพน้าชาย และได้สังเกตุเห็นบางอย่างที่ทำเอาผมขนลุกเกลียว เพราะศพน้า
ชายเขาจะมีสำลีก้อนเล็กๆ อุดจมูก อุดหูไว้อยู่ เพื่อกันน้ำเหลืองหรืออะไรสักอย่าง ซึ่งลักษณะมัน
เหมือนกับสำลีก้อนเล็กๆ ที่ผมเจอที่บ้านบ่อยๆ เลย! แต่ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เพราะตอนนี้ทุก
คนต่างก็โศกเศร้ากันมากพอแล้ว.. หลังจากงานศพ ยายก็ร้องไห้ทุกวัน จนแม่ กับป้าตัดสินใจขาย
บ้านทิ้งด้วยราคาแสนถูก แถมรถเก่าๆ อีกคันไปด้วย พวกเราย้ายไปเช่าบ้านใหม่อยู่ เพื่อลืมทุกอย่าง
ในบ้านหลังนั้น.. แต่จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับน้าชายผม
จากคนที่เคยร่าเริง แข็งแรง กลับต้องมาจบชีวิตลงอย่างอนาถแบบนี้..
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา