คุณ Nuntha เล่าว่า.. เมื่อต้นเดือนมกราคมปีที่แล้ว (2018) มีเหตุให้เราต้องย้ายบ้านกระทันหัน
เนื่องจากบ้านเก่าที่เป็นบ้านเช่า เจ้าของบ้านเค้าขายไปได้ เจ้าของใหม่ก็รีบจะปรับปรุง และเข้าอยู่
เลย ทำให้เรามีเวลาหาบ้านใหม่แค่ไม่กี่วัน ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้เรากับแฟนต้องหยุดงาน
และวิ่งหาบ้าน หาเป็นอาทิตย์ก็ไม่มีบ้านที่เราพอจะเช่าได้เลย เพราะแฟนเราต้องการบ้าน และมีที่
เปล่า พอที่จะทำงานได้ด้วย เลยยิ่งหายากไปใหญ่ จนเหลืออีกแค่ 2 วันจะสิ้นสุดสัญญา
เราวิ่งเกือบทั้งจังหวัด จนไปเจอบ้านหลังหนึ่งใน อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เป็นบ้านชั้น
เดียว รอบบ้านมีพื้นที่เยอะ มีรั้วรอบ มีโรงจอดรถ สีเหมือนทาใหม่ สภาพโดยรวมคือเข้าอยู่ได้เลย
แฟนเราถูกใจบ้านหลังนี้มาก หน้าบ้านมีป้ายติดไว้เป็นฟิวเจอร์บอร์ดสีขาว แฟนเรารีบให้เราลงไปดู
ว่าใช่ป้ายให้เช่าไหม? พอเราลงไปดู เป็นป้ายซีดๆ จางๆ เขียนว่า ‘ให้เช่า’ แต่เบอร์โทรศัพท์เลือน
หาย เห็นไม่ครบทุกตัว บ้านนี้เป็นบ้านที่ไม่ติดกับใครเลย จะหาคนแถวนั้นถามก็ลำบาก เลยยืนลอง
สุ่มโทร โทรไปเกือบทุกเบอร์ที่พอจะเป็นไปได้ แต่ก็ผิดทุกเบอร์ จนแฟนเราลงมาจากรถ ถามว่าเค้า
ให้เช่าไหม? เราเลยให้ดูป้าย แฟนเราลองโทรบ้าง ปรากฏว่าติดค่ะ และเป็นเจ้าของบ้านรับ บอกว่า
เค้าอยู่แถวนี้ เดี๋ยวจะมาไขประตูให้ดูข้างใน
รอไม่นาน เจ้าของบ้านก็ขี่มอเตอร์ไซค์มา เป็นผู้หญิงชื่อ พี่จิน (นามสมมติ) พี่จินยิ้มแย้มแจ่มใส
อัธยาศัยดี รีบเปิดประตูให้เข้าดูข้างใน สภาพบ้านดีมากค่ะ ทาสีใหม่สีสันสดใส เหมือนเพิ่งปรับปรุง
มีรั้วเล็กๆ กั้น เหมือนทำแปลงผักข้างบ้าน แต่รั้วมันสะดุดตาตรงที่มันสีส้มแปร๊ด
เราอดถามเจ้าของบ้านไม่ได้ว่า
เรา: พี่คะ รั้วสีสดใสดีนะคะ คนเช่าเก่าทำไว้เหรอพี่?
พี่จิน: อ่อ ใช่เลยน้อง เค้าบูชาเงาะ เลยชอบสีสดๆ แจ๊ดๆ ดูในบ้านสิ ครบสีเลย ทากำแพงคนละสี
ชมพู ม่วง เขียว (หังเราะ) พี่เห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน แต่พี่ไม่ว่าหรอก บ้านหลังนี้ซื้อไว้ กะว่าอีกสัก
5-6 ปีถ้ามาอยู่จะทุบหลังนี้ทิ้ง แล้วสร้างใหม่เลย
พี่จินบอกอีกว่า แกซื้อที่พร้อมบ้านนี้มาด้วย เดิมเคยทำเป็นโรงงานพลาสติกเล็กๆ แกโชคดี ซื้อตอน
เจ้าของที่ร้อนเงิน เลยได้ราคาไม่แพง ซื้อไว้เผื่อลูกๆ โต
เราเดินดูรอบๆ บ้าน ด้านหลังเป็นห้องแยกจากตัวบ้าน มี 2 ห้อง มีห้องน้ำในตัว ดูแล้วน่าจะเป็นห้อง
พักคนงาน ข้างในมีเตียงเก่าๆ กำแพงห้องมีข้อความเขียนเต็มผนัง และพัดลมเพดานที่เหมือนจะ
หลุด 2 ห้องนี้ดูท่าอาจไม่ได้ใช้งาน คงต้องปิดตายไปเลย บ้านหลังนี้มีพื้นที่รวมๆ เกือบไร่ บ้านก็เข้า
อยู่ได้เลย และมีที่จอดรถสะดวก รั้วสูงมิดชิด ลมเย็น และสงบ ที่สำคัญ ค่าเช่าไม่แพงไปกว่างบ
ประมาณที่มี เราเลยตกลงเช่าทันที.. พี่จินบอกว่า ให้เอากุญแจบ้านไว้เลย 2-3 วันจะทำสัญญามา
ให้เซ็น แล้วค่อยวางมัดจำ แฟนเราก็โอเค เรายังคุยกันเลยว่าเจ้าของบ้านไม่เคี่ยว ไม่หวงของ เรา
คงอยู่กันแบบไม่ลำบากใจ คงเป็นเพราะเค้าคิดจะทุบทิ้งอยู่แล้วมั้ง (เราคิดในใจ)
วันเดียวกัน เราทยอยขนของย้ายเข้าบ้าน และสำรวจในบ้าน ไฟฟ้า น้ำ อุปกรณ์ต่างๆ ว่าพร้อมใช้
งานหรือเปล่า สรุปในบ้านปกติดี แต่..ห้องคนงานด้านหลังมีกลิ่นเหมือนหนูตาย เหม็นโชยมาเป็น
ระยะๆ คือแบบกลิ่นแรงจนเวียนหัว สงสัยเพิ่งเน่า เพราะตอนแรกยังไม่มีกลิ่นเลย แต่บอกตรงๆ เรา
ไม่กล้าเดินไปดูคนเดียว เลยทนๆ เอา กว่าจะขนของเข้าเสร็จก็ค่ำแล้ว เหนื่อยหมดแรง เรารีบอาบ
น้ำ และเข้านอนกันเลยโดยที่ยังไม่ได้จัดของ ลืมอธิบายในตัวบ้านค่ะ ในตัวบ้านมีห้องน้ำ และห้อง
ว่าง 2 ห้อง ห้องนึงเราเอาไว้เก็บของ และเป็นห้องเสื้อผ้า อีกห้องเราเอาไว้นอน ห้องที่เก็บเสื้อผ้า
จะอยู่ติดกับห้องคนงานด้านหลัง คือเปิดหน้าต่างไปก็จะเจอหน้าห้องคนงานเลยค่ะ
ห่างกันประมาณ 2 เมตรๆได้
คืนแรก เราเหนื่อยและหลับสนิท แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเหมือนเสียงอะไรหล่นใส่หลังคา
‘ปังงงง!!’ ดังมากกกก ดังมาจากด้านหลังที่เป็นห้องคนงาน คือของที่หล่นมาต้องใหญ่มากค่ะ เพราะ
ดังมาก ดังเหมือนฟ้าผ่า เรากับแฟนตื่นมามองหน้ากัน แฟนเราหยิบไฟฉายจะออกไปดู แต่เราห้าม
ไว้ค่ะ เพราะเพิ่งมาอยู่ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร เช้าค่อยไปดู แฟนเราก็โอเค แล้วเราก็พากันหลับไป
พอตอนเช้า เรารีบไปดูที่มาของเสียง แต่ไม่มีอะไรหล่นเลยค่ะ ดูรอบๆ ก็แล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นเศษ
วัสดุหรืออะไรเลย เราก็แปลกใจ แต่ด้วยไม่มีเวลาคิดมาก เพราะต้องรีบจัดข้าวของ เลยปล่อยไป
ค่ะ.. ช่วงเย็นของวันนั้นแฟนเราออกไปซื้อข้าว เราเลยต้องจัดของอยู่คนเดียว ตะวันโพล้เพล้ และ
แล้ว ‘ปังงงง!!’ ได้ยินเสียงดังเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว มาจากหลังคาห้องคนงาน คราวนี้เราวิ่งไปดูเลย
ค่ะ อยากรู้ว่ามันเสียงอะไร? ด้วยความที่มันเริ่มจะมืดแล้ว มองอะไรไม่ชัด เราเห็นเหมือนลูกมะพร้าว
ที่เปลือกมันรุ่ยๆ ฟูๆ อยู่ด้านหลังห้องคนงาน ในในคิดว่า ‘ใครโยนเข้ามาฟะ?’ เพราะแถวนี้ไม่มีต้น
มะพร้าวสักต้น ลมที่ไหนจะพัดมาขนาดนี้ ระหว่างที่คิดก็เดินไปดูใกล้ๆ เผื่อจะเก็บไว้ให้แฟนดู พอ
เข้าไปใกล้มากๆ เราได้กลิ่นเหม็นเน่าค่ะ เหมือนหมาตาย ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งได้กลิ่นเหม็นตลบเข้าหน้า
เลย แต่พอก้มไปจะหยิบ มันไม่ใช่มะพร้าว แต่มันเป็น หัวคน!!! เราหน้าชา ตกใจวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
เลย ใจนี่เต้นตุบๆ พูดไม่ออก ร้องไม่ออก วิ่งตรงออกนอกบ้านอย่างเดียว เปิดประตูรั้วได้ วิ่งสวน
ออกไป แฟนเราเลี้ยวเข้ามาพอดีเกือบชนเราค่ะ แฟนเราก็ตกใจถาม ‘เป็นอะไรๆ’ เรายังพูดไม่ออก
ใจมันเต้นตุบๆๆๆๆ เราจำได้ว่าเราพูดออกไปว่า ‘ผีหลอกๆ’ ..แล้วไปรู้สึกตัวอีกทีก็นอน
โรงพยาบาลเลยค่ะ แฟนบอกเราเป็นลมไปเฉยๆ
เราตื่นมาเล่าให้แฟนฟัง แฟนเราไม่เชื่อ บอกว่าเราตาฝาด คือเค้าพยายามพูดให้เราไม่กลัว เพื่อที่จะ
กลับไปที่บ้าน ใช้เหตุผลหว่านล้อมต่างๆ นานา เรื่องความจำเป็นเอย เงินเอย และรับปากเราว่า จะ
ไม่ให้เราอยู่คนเดียวอีกแล้ว เราเลยจำใจยอม เรานอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียว บ่ายๆ ของอีกวันเราก็
กลับบ้าน กลับไปแบบไม่อยากกลับเลย ภาพมันยังติดตาติดใจ กลิ่นเน่ายังติดอยู่จมูก เราบอกแฟน
ว่า ยังไงก็ตาม เราจะไม่ไปเหยียบห้องคนงานข้างหลังอีกแน่ๆ
เวลาผ่านไป ทุกอย่างดูเป็นปกติ จนมาวันหนึ่ง เราไปติดต่อชาวสวนแถวนั้น ถามหาคนรับจ้างถาง
หญ้า มันแปลกๆ ตรงที่ พอตอนแรกตกลงรับงาน แต่พอบอกว่าบ้านหลังไหน ทุกคนกลับปฏิเสธ
หมด.. เราเริ่มเอะใจละ แต่ก็ไม่มีใครบอกเรา หรือเล่าอะไรเลย แถมยังมาเลียบๆ เคียงๆ ถาม เหมือน
อยากรู้ว่าเราเจออะไรแปลกๆ ไหม? สรุปเราเลยต้องไปจ้างคนที่อื่นมาถางหญ้าให้
จนมาคืนหนึ่ง เราฝันว่าบ้านหลังนี้มีคนอยู่เยอะแยะ เหมือนเป็นโรงงานเล็กๆ ห้องด้านหลังก็มีคนอยู่
เลี้ยงนก นั่งหน้าห้อง ดื่มเหล้าพูดคุยกันฟังภาษาไม่รู้เรื่อง และเราต้องสะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงคน
ทะเลาะกันที่หลังบ้าน ทะเลาะเสียงดังมาก เราสะกิดเรียกแฟนให้ตื่น แล้วช่วยกันนอนฟัง ในใจคิด
ว่าไม่ใช่คนแน่นอน คนที่ไหนจะมาทะเลาะกันในบ้านเรา? สักพัก เสียงก็เงียบไป เรากับแฟนนี่ตา
สว่างจนเช้าเลย แฟนเราชวนเดินไปดู ซึ่งทุกอย่างมันก็ปกติ เหมือนเดิมเลยค่ะ แต่ที่เพิ่มมา คือมีรูป
ปั้นเงาะป่าหัวหยิก ปากแดง ตัวดำ แตกหักกระจัดกระจายอยู่หลายตัวเลย แขนขาหัก หัวแตก ซึ่ง
ก่อนหน้านี้มันไม่มี! เรากับแฟนมองหน้ากัน คิดเหมือนกันว่า ‘ผีแน่ๆ ล่ะ’ เรารีบโทรนัดพี่เจ้าของบ้าน
ยังไงวันนี้ต้องรู้ให้ได้ค่ะ ว่ามันอะไรยังไง? ให้อยู่ต่อคงไม่ไหว เพราะไม่รู้ว่าอยู่กับอะไร..
พอวางสาย แฟนบอกเราว่า เค้าได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยอยู่หลังบ้าน เราก็ โอ้ย!! ช่างเถอะพ่อ!
ไม่ใช่คนแล้วววว รีบไปหาพี่จินเถอะ แบบนี้จะอยู่ได้ไง.. เรากับแฟนออกไปหาพี่จิน พอเจอหน้ากัน
แกยังยิ้มสวยให้เหมือนเคย ไม่รู้เล้ยยย ว่าเราทุกข์ร้อนกันแค่ไหน เรากับแฟนคาดคั้น เล่าสิ่งที่เจอ
ให้แกฟัง แกยิ้มแห้งๆ แล้วเล่าว่า ‘เมื่อก่อน.. ตอนเป็นโรงงานพลาสติก มีคนงานเขมรฆ่าปาดคอกัน
ตาย 2 ศพ และก็ฝังไว้ศพนึง อีกศพนึงทิ้งไว้ที่บ่อน้ำหลังบ้าน คนทำก็หนีไป ตำรวจมาเจอแค่ศพ
เดียวที่อยู่ในบ่อน้ำ ส่วนศพที่ฝังไว้ คนที่เช่าบ้านก่อนหน้านี้ ที่บูชาเงาะป่า เพิ่งเจออีกศพเป็นกระดูก
ฝังไว้ตรงส้วมหลังห้องคนงาน เพิ่งแจ้งตำรวจมาขุดไป และเค้าก็ย้ายออกไปก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน..’
พี่จินแกไม่ใช่คนกลัวผี แกเลยไม่ได้บอกเรา แต่แกเน้นเลยว่า แกเอาพระมาไล่ออกไปแล้ว.. เหอะ
ไม่รู้ไล่ยังไงผีถึงไม่ไป? หรือว่าจะเฮี้ยนจัดๆ เรานี่อยากจะให้พี่จินแกไปลองนอนดูสักคืนสองคืนบ้าง
ว่าจะไม่กลัวผีจริงอย่างที่พูดไหม? ไม่รอช้า เรากับแฟนรีบย้ายออกในวันนั้นเลย กลับไปอยู่บ้านพ่อ
แม่ดีกว่า ขืนอยู่ต่อ ไม่รู้จะกลัวจนตายไปเป็นอีกศพหรือเปล่า..
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา