ในตำนานความเชื่อของชาวตะวันตกยุคใหม่ มีความเชื่อเกี่ยวกับ “เสียงกระดิ่งจากคนตาย” อย่างแรงกล้า โดยเชื่อกันว่าคนที่ตายไปแล้วและยังไม่รู้ตัวว่าตาย จะกลับมาเยี่ยมบ้านโดยการกดออดหรือกระดิ่งหน้าบ้าน แต่เมื่อคนในบ้านไปเปิดประตูให้กลับไม่พบใคร กรณีแบบนี้พบและเป็นที่พูดถึงกันมากในสังคมของชาวตะวันตกยุคใหม่
อย่างไรก็ตามความเชื่อนี้ก็ยังมีแบบแผนอยู่บ้าง โดยเชื่อกันว่า เมื่อกระดิ่งดังขึ้นเป็นครั้งแรกในคืนนั้น ให้คนในบ้านทำการเปิดประตูให้กว้าง และผายมือเป็นทำนองของการเชื้อเชิญ เพราะว่าวิญญาณที่มากดกระดิ่งในครั้งแรก เป็นวิญญาณฝ่ายดี หรือวิญญาณญาติพี่น้องคนในบ้าน แต่ถ้าหากกระดิ่งดังเป็นครั้งที่สอง(บ้างก็ว่าหากเลยเที่ยงคืนไปแล้วไม่ควรเปิดประตูเลย) หรือมีเสียงเคาะประตู โดยไม่เห็นคนเคาะ (มองจากช่องตาแมว) ห้ามเปิดประตูเป็นอันขาด เพราะจะเป็นการเชื้อเชิญดวงวิญญาณชั่วร้าย หรือที่ฝรั่งเชื่อกันว่าเป็นสมุนของซาตาน ให้เข้ามาบ้าน นอกจากนั้นยังเชื่อกันอีกว่า หากวิญญาณชั่วร้ายไม่ได้รับการเชื้อเชิญ มันจะรบกวนคนในบ้านด้วยการใช้เล็บกรีดหรือเคาะฝาบ้านรอบๆ บ้าน เพื่อหาทางเข้ามาให้ได้ จนกว่าจะถึงเวลาเช้ามันจึงจะไป (ระหว่างนี้ห้ามเปิดประตูรับมันเด็ดขาด)
สำหรับเรื่องเล่าที่ยืนยันความเชื่อนี้ ก็น่าจะได้แก่กรณีของนักร้องสาวชื่อดังที่ล่วงลับไปแล้ว วิทนีย์ ฮูสตัน โดยในคืนวันที่เธอเสียชีวิต แม่ของวิทนีย์เล่าให้สื่อฉบับหนึ่งฟังว่า ได้ยินเสียงกระดิ่งดังในช่วงหัวค่ำ ทว่าเมื่อเธอเปิดประตูออกไปดูก็ไม่พบใครเลย เธอจึงทำการเชื้อเชิญดวงวิญญาณตามความเชื่อ ปรากฏว่าไม่นานก็ได้ข่าวว่าลูกสาวของเธอนั้นเสียชีวิต ก็เลยถึงบางอ้อว่า …บางทีเสียงกระดิ่งนั้นอาจเป็นวิทนีย์ที่มาบอกลาเธอก็เป็นได้
ส่วนอีกกรณีหนึ่งเป็นแม่บ้านสาวใหญ่จาก เทนเนสซี , เอมิลี มิลเลอร์ เพิ่งขนของย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่หมาดๆ ปรากฏว่าในช่วงตีสามของคืนแรก เอมิลีก็ได้ยินเสียงกระดิ่งที่หน้าประตูดัง เธอจึงลุกขึ้นไปส่องดูที่ช่องตาแมว แต่ก็ไม่พบใครตอนแรกก็คิดว่าเป็นพวกโรคจิตที่ชอบมาแกล้งกดออดตามบ้านคนหรือไม่ก็พวกขโมย แต่เมื่อลองติดกล้องวงจรปิดและเซ็นเซอร์ตรวจจับขโมยดูแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เลย เอมิลีรำคาญเลยตัดสินใจถอดกระดิ่งออกซะเลย ไม่น่าเชื่อว่าคืนนั้นกระดิ่งจะดังอยู่ทั้งคืน พร้อมกับเสียงเคาะประตู เสียงของมีคมขูดกับตัวบ้านดังแกรกกรากบาดหัวใจ….
ขอบคุณภาพประกอบจาก Pinterrest.com
