แม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานสยองในประเทศจีนกันสักเท่าไหร่ แต่ก็มีเรื่องเล่า
อยู่หนึ่งเรื่อง ที่ถ้าเอ่ยขึ้นมาคนจีนต้องร้องอ๋อยิ่งถ้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง
จะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี
เรื่องทั้งหมดมีอยู่ว่า…ชายคนหนึ่งเผลออยู่เคลียร์งานที่บริษัทเพลินไปหน่อย และพอรู้สึกตัวอีกทีก็
เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เขาจึงเก็บของแล้วเดินออกมาออฟฟิศ เพื่อไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ห่างออกไปไม่
ไกลมากนัก ซึ่ง เวลาตอนนั้นเขาได้แต่ภาวนาให้ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย น่าแปลกอยู่บ้างที่คืนนั้น
ท้องถนนเงียบเชียบไร้รถราสัญจร ทั้งที่ในยามปกติมันไม่เงียบจนวังเวงขนาดนี้ แต่ชายคนนั้นก็ไม่
ได้คิดอะไรมาก ยังคงเดินมาตามฟุตบาทเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมล์ในที่สุด โชคดีอยู่หน่อยที่ป้าย
รถเมล์นั้นมีชายแก่คนหนึ่งนั่งรอรถอยู่เหมือนกัน(ตรงนี้บางคนก็บอกว่าเป็นหญิงแก่)
ทำให้ไม่รู้สึกว่ามันเงียบเหงามากจนเกินไป
ในที่สุดรถเมล์เที่ยวสุดท้ายก็เข้ามาจอด ผู้โดยสารทั้งสองคนคือชายพนักงานบริษัท และชายแก่ได้
เดินขึ้นรถแล้วมองหาที่นั่งกันตามอัธยาศัย บนรถเมล์ตอนนั้นไม่มีผู้โดยสารสักคนเดียว มีเพียงแต่
พนักงานขับรถและกระเป๋ารถนั่งกันอยู่ที่ส่วนหน้าแค่สองคนเท่านั้น หลังจากหาที่นั่งและจ่ายเงิน
ค่าตั๋วเรียบร้อยแล้ว รถก็ออกแล่นไปตามท้องถนนที่เงียบเชียบตามปกติ สักพักรถก็หยุดที่ป้ายแห่ง
หนึ่งแล้วมีผู้โดยสารอีกสองคนเดินขึ้นรถมา(บ้างก็ว่า 3 คน และหนึ่งในนั้นแต่งชุดสีแดงแบบ
โบราณ) ซึ่งพนักงานบริษัทก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาเอนหลังแล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตา
เพราะล้ามาทั้งวันแล้ว
ทันใดนั้น ชายแก่ที่เดินขึ้นมากับเขาตั้งแต่ป้ายแรก ก็ลุกขึ้นและร้องโวยวายหาว่าพนักงานบริษัท
ขโมยกระเป๋าเงินของเขา สีหน้าของชายแก่ดูโกรธเกรี้ยวมาก และชี้หน้าพนักงานบริษัทพร้อมกับด่า
เสียงดังโวยวายลั่นรถ ท่ามกลางความงุนงงของชายพนักงานบริษัท และแม้ว่าเขาจะปฏิเสธเช่นไร
ชายแก่ก็ยังคงกล่าวหาเขาอยู่เช่นนั้น กระเป๋ารถเมล์เองก็พยายามที่จะเดิมมาห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน
บนรถ แต่ชายแก่ก็ไม่ยอม แกร้องว่าจะไปแจ้งความที่โรงพักอย่างเดียวเท่านั้น ในที่สุดคนขับก็ต้อง
ยอมขับไปจอดหน้าโรงพักที่อยู่ในบริเวณนั้นให้
แต่ทันทีที่ลงจากรถเมล์คันนั้น ชายแก่ก็มองหน้าพนักงานบริษัท พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแผ่ว
เบา หน้าแปลกที่สีหน้าของแกตอนนั้นไม่มีวี่แววของความโกรธหลงเหลืออยู่เลย พนักงานบริษัท
มองหน้าชายแก่ด้วยความงุนงง
“ทำไมคุณไม่รีบไปแจ้งความ?” เขาถามชายแก่
“ไม่หรอก” ชายแก่ตอบแผ่วเบา “แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่เราลงจากรถคันนั้นมาได้ ผมช่วยชีวิตคุณ
เอาไว้นะ รู้ไว้ซะด้วย ว่าไอ้ผู้โดยสารที่ขึ้นมาใหม่ มันเป็นผี! ผมเห็นว่ามันเดินขึ้นมา แต่มันไม่มีขา!
ผมก็เลยแกล้งทำเป็นโวยวายว่ากระเป๋าสตางค์หายเพื่อที่จะได้ลงจากรถคันนั้น”
ชายแก่อธิบายด้วยท่าทางขนพองสยองเกล้า
48 ชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถเมล์คันหนึ่ง คว่ำอยู่ในหนองน้ำ ห่างจากเมืองปักกิ่งราวร้อย
กิโลเมตร ซึ่งรถคันนั้นเป็นคันเดียวกับที่พนักงานบริษัทและชายแก่ขึ้นมาในคืนนั้นนั่นเอง ตำรวจพบ
คนขับและกระเป๋ารถเป็นศพเน่าเปื่อยเละเทะอยู่ภายในรถ และนอกจากนั้นยังมีปริศนาอีกหลายๆ
อย่างที่ยังไงไม่ได้จนทุกวันนี้ เช่น รถเมล์คันนั้นวิ่งมาถึงจุดที่มันคว่ำได้อย่างไร ในเมื่อถังน้ำมันไม่มี
น้ำมันสักหยด แต่มีเลือดสดๆบรรจุอยู่ในถังจนเต็มแทน , กล้องวงจรปิดที่ไม่สามารถจับภาพรถเมล์
คันนี้ได้เลย , ศพของโชเฟอร์และกระเป๋ารถเมล์เน่าเปื่อยเร็วขนาดนั้นได้ยังไง
ทั้งที่เวลาผ่านไปแค่สองวัน เป็นต้น
คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นจริงในปี 1995 และโด่งดังไปทั่วประเทศจีน จนทำให้ชาวจีนโดยเฉพาะผู้ที่
อาศัยในเมืองปักกิ่งนั้น ต้องขยาดกับการนั่งรถเที่ยวสุดท้ายของวันเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าอาจ
จะต้องเจอเข้ากับเหตุการณ์สยองขวัญแบบนี้เข้าสักวัน…ก็เป็นได้
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา