เกือบไม่รอดวัยเบญจเพส

 

คุณเปิ้ลเล่าว่า.. ก่อนหน้านี้เราเป็นคนไม่เชื่อเรื่องเบญจเพสค่ะ คิดว่ามันก็แค่ตัวเลขหนึ่งในช่วงชีวิต

ของคนเรา เราเคยมีพฤติกรรมแปลกๆ อยู่อย่างหนึ่ง คือเวลาเดินทางไปไหน หากผ่านวัด จะเห็น

ร้านขายพวกพวงหรีด หรือดอกไม้ต่างๆ ที่ใช้ประกอบพิธีศพ ในใจก็คิดว่า ถ้าเป็นงานของเรา เราจะ

เลือกอันนี้ๆ เราชอบอันนี้ๆ เป็นต้น และอีกอย่างคือชอบถ่ายรูปค่ะ แล้วก็จะอัดรูปไว้ คิดว่าถ้ารูปงาน

ศพเราต้องเป็นรูปนี้ๆ อยากให้รูปหน้างานออกมาสวยๆ ไม่รู้ไปได้ความคิดบ้าๆ แบบนี้มาได้ยังไง?

 

จนเมื่อปี 2549 ปีที่เราจะอายุครบ 25 คุณพ่อเราก็ชวนให้ไปทำบุญรับอายุเบญจเพสที่วัดแถว

สมุทรสงคราม เพราะลักษณะองค์พระพุทธรูปเป็นปางประจำวันเกิดของเรา คุณพ่อชวนเราวันพุธ

และนัดกันว่าวันเสาร์ที่จะถึงจะไปทำบุญกัน.. แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในวันถัดมาเลย

ค่ะ (วันพฤหัส) โดยปกติคุณพ่อจะมารับเราที่ทำงานทุกวัน แต่วันนั้นท่านหยุดงาน เราจึงต้องกลับ

บ้านเองหลังจากเลิกงาน คืนนั้นมีอุปสรรคในการเดินทางมากมาย เช่น ฝนตก รถเมล์ที่จะขึ้นก็ไม่มา

สักที รอนานมาก ประจวบกับต้องแข่งกับเวลา เพราะต้องไปต่อรถตู้ที่อนุสาวรีย์ฯ ไปรังสิตอีก ถ้า

หากไม่ไปตอนนี้ก็จะไม่มีรถต่อกลับบ้าน เราจึงตัดสินใจโบกแท็กซี่ไปอนุสาวรีย์ฯ เพื่อความรวดเร็ว

โบกคันแรกกำลังจะขึ้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งแซงขึ้นรถไปหน้าตาเฉย จนได้ขึ้นก็คันที่ 2 ค่ะ

 

ขณะที่อยู่บนรถแท็กซี่ เราก็โทรศัพท์คุยกับคุณพ่อเพื่อนัดรับเราเข้าบ้านหลังจากลงรถตู้ แต่สิ่งที่ไม่

คาดคิดก็เกิดขึ้นหลังจากที่เราวางสายค่ะ คนขับแท็กซี่เบรครถอย่างกระทันหันจนหน้าเราทิ่ม พอ

เงยหน้าขึ้นมา คนขับก็กระโดดข้ามมาจากด้านหน้า พร้อมกับใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต

แทงเข้ามาที่หน้าอกด้านขวาของเรา ด้วยความตกใจ เราก้มไปดูที่หน้าอกขวาของตัวเอง มีดมัน

เสียบทะลุเข้าไปแล้ว! เรายังถามคนขับว่า ‘พี่ทำหนูทำไม!’ แต่เหมือนมันไม่ฟังอะไร ตะคอกกลับมา

ว่า ‘อย่าร้องนะ!’ มันพยายามกดตัวเราลง แล้วดึงมีดออกมาจากหน้าอกข้างขวา แล้วแทงเข้ามาที่

กลางอกอีกครั้ง แต่โชคดีโดนพระแตก และอีกครั้งที่หน้าอกด้านซ้าย เข้าไปอย่างจัง เราตกใจมาก

เหมือนตัวเองขาดสติไปชั่วขณะ ตอนนั้นเราเห็นภาพเสมือนเป็นลางบอกเหตุว่า ถ้าหากเราออกจาก

รถคันนี้ไปไม่ได้ คนขับจะพาเราไปทิ้งที่แม่น้ำ แล้วเราก็จะจมน้ำตาย..

 

พอได้สติ เราพยายามดิ้นรนทุกวิธีเพื่อออกไปจากรถให้ได้ มีดที่ปักอกข้างซ้ายนึกได้ว่ามันคือหัวใจ

คนขับก็พยายามกดมีด และคว้านให้ปลายมีดมันยิ่งลึกหมายเอาชีวิต แต่เราไม่ยอม เราเอามือกำคม

มีดไว้เพื่อหวังไม่ให้โดนหัวใจ แผลที่มือระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ข้างซ้ายฉีกขาดคล้ายกับเวลาเรา

ปลอกกล้วยเลยค่ะ หลังจากนั้นก็พยามยามเปิดประตูรถเพื่อหนีออกไป ช่วงเวลานั้นมันเร็วมาก หัน

ไปเจอประตูรถจึงปล่อยมือจากมีดคว้าที่เปิดประตูออก แต่คนขับแท็กซี่ก็ดึงปิดอีก เราพยายามอยู่

2-3 ครั้ง จนได้จังหวะ เราเปิดประตูได้กว้าง แล้วหมุนตัวกลิ้งตกลงมาจากรถ พร้อมร้องเรียกให้คน

ช่วย ส่วนคนขับก็เสียหลัก เกือบตกลงรถลงมมาด้วยกัน แต่เค้าก็รีบกลับไปนั่งขับรถหนีรอดไปได้..

กลางถนนที่รถผ่านไปมาต่างก็เบี่ยงรถหนีเรา ฝนก็ตก ร้องขอความช่วยเหลือก็มีแต่คนยืนดู เราต้อง

หอบร่างโชกเลือดคลานเข้าริมฟุตบาท ก้มลงมองหน้าอกเห็นเป็นโพรงลึก หายใจก็มีเสียงลม พร้อม

เลือดที่พุ่งออกมา.. ตรงนั้นเราเห็นเพียงแต่ต้นไทรต้นใหญ่มีรากยาวเต็มพื้น พร้อมผ้าสีผูกกลาง

ลำต้น นึกในใจว่า ‘หากไม่มีคนมาช่วย เราคงต้องเป็นผีเฝ้าต้นไม้นี้แน่ๆ..’ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียง

ผู้ชายคนหนึ่งร้องเรียกเรา ‘น้องๆ เป็นอะไร โดนอะไรมา?’

พร้อมกับอุ้มเราขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลโดยทันที

 

ภาพที่ออกมาจากห้องผ่าตัดฉุกเฉินครั้งแรก (อันนี้น้องชายเล่าให้ฟังเพราะเราไม่รู้ตัว) ว่าเราดิ้นทุน

รนราย และตัวซีดจนเขียวเนื่องจากเสียเลือดมาก ช่วงเวลานั้นได้ยินแต่เสียงแม่ที่ร้องเรียกชื่อเรา

ตลอด ทำให้เราพอได้สติกลับมา แต่อาการยังไม่ปลอดภัย เกิดภาวะปอดรั่ว จึงโดนเข็นเข้าห้อง

ผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมปอดที่เสียหายอีกรอบหนึ่ง คราวนี้รื้อผ่าตัดใหญ่เลยค่ะ.. ในห้อง ICU เหมือน

เราได้ฝันเห็นคุณปู่ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ท่านยิ้มให้เรา และเดินเข้าไปในบ้านสีขาวหลังใหญ่

ท่านไม่ได้เรียกเรา แต่เราวิ่งตามท่านเข้าไป แต่ว่าเราหาท่านไม่เจอ.. จนเรารู้สึกตัวค่ะ ตื่นมาอยู่ใน

ห้อง ICU พร้อมกับสายยาง และอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ระโยงระยางเต็มไปหมด คนที่เห็นสภาพเรา

ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่ารอดแน่ๆ แต่นี่เหมือนปฏิหารย์ให้เรากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง.. 

 

มีเรื่องแปลกๆ คือตอนที่เราหนีออกมาจากแท็กซี่แล้วคลานเข้าฟุตบาท ที่เราได้เห็นต้นไทรต้นใหญ่

มีผ้า 3 สีผูก ตอนนั้นยังนึกเลยว่า ‘หากไม่มีคนมาช่วย เราคงต้องเป็นผีเฝ้าต้นไม้นี้แน่ๆ..’ มันมา

หลอนตรงที่ เวลามีคนมาถามสถานที่เกิดเหตุ เราก็จะระบุว่าเป็นตรงต้นไทรใหญ่ริมถนนนั้น แต่ทุก

คนก็จะบอกว่า มันไม่มีต้นไทรที่ว่าในบริเวณนั้นเลย ไม่มีแม้แต่ต้นไม้ตรงจุดเกิดเหตุเลยด้วยซ้ำ..

หลังจากที่เรารักษาตัวหาย ก็กลับไปดู ไปถามคนระแวกนั้น ปรากฏว่าไม่

เคยมีต้นไม้ดังกล่าวอยู่แถวนั้นเลยจริงๆ ค่ะ

 

ประสบการณ์เฉียดตายครั้งนี้ ทำให้เราคิดได้ว่า ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน จะเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อ

ไหร่ไม่มีทางรู้ได้เลย ดังนั้น รีบทำความดี ดูแลพ่อแม่ผู้มีพระคุณให้ได้มากที่สุด ตอนนี้เลย ไม่มีคำ

ว่าเดี๋ยวก่อนสำหรับเราอีกแล้วค่ะ อยากทำอะไรเพื่อความสุขโดยที่ไม่เดือดร้อนคนอื่นทำเลย เพราะ

ถ้าไม่ทำวันนี้ พรุ่งนี้เราก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำหรือเปล่า

 

 

* ปล. จับคนร้ายได้ในอาทิตย์ถัดมา มันรับสภาพ ศาลจึงตัดสินลดโทษให้ จากจำคุกตลอดชีวิต เ

หลือ 25 ปี และปรับ 50 บาท.. แต่บาดแผลที่เราได้รับ ทั้งทางกาย แผลหน้าอกซ้ายลึก 13 ซม.

หน้าอกด้านขวา 8 ซม. คมมีดทะลุปอดทั้ง 2 ข้าง ทะลุหลอดลม ปลายหัวใจ รักษาตัวโดยเปิดผ่าตัด

เปิดช่องอก ใส่สายยางระบายเลือด 5 เส้น มันเป็นอะไรที่ทุกข์ทรมานมากๆ เลยค่ะ กว่าจะกลับมาใช้

ชีวิตปกติได้ใช้เวลา 2-3 ปี ทางใจต้องพบจิตแพทย์เพื่อบำบัดจิตใจ ต้องฝึกหายใจ ฝึกเดินใหม่

เหมือนเด็กเลยค่ะ สงสารพ่อแม่เราที่ต้องมาดูแล เพราะช่วงนั้นเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่ต้อง

ออกจากงานเพื่อมาดูแลเราค่ะ แผลเป็นนี่เต็มไปหมดเลย.. ส่วนคนร้ายไม่ต้องพูดถึง

มันไม่รับผิดชอบอะไรเลย




SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา