เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  แปลตรงตัวก็คือ ค่าธรรมเนียมการบริการที่คิดจากค่าอาหาร

หรือค่าบริการ ง่ายๆ ก็คือ ทิปที่ให้กับพนักงานที่ให้บริการอย่างเช่น ค่าอาหาร เป็นเงิน 100 บาท

เซอร์วิสชาร์จ (service charge) 10% และก็มี vat ด้วย ซึ่งปัจจุบันคิดที่อัตรา 7%

ดังนั้นรายละเอียดของค่าอาหารและ เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  บวก vat ก็จะเป็นแบบนี้...

(100 + 10%) +7%    ค่าอาหารในมื้อนั้นก็เท่ากับ 117.70 บาท

วิธีคิดเซอร์วิสชาร์จ (service charge) 

นั้นคือ นำเอา 10% คูณ 100 (ค่าอาหาร)  เท่ากับ 10 บาท ส่วน vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มก็คิดในหลักการเดียวกัน ก็คือ นำเอา 7% คูณ 100 (ค่าอาหาร) เท่ากับ7 บาท

เมื่อรู้ถึงวิธีคิด เซอร์วิสชาร์จ (service charge) แล้วหลายคนคงมีคำถามว่า ต้องจ่ายไหม ไม่จ่ายได้ไหม    ตอบแบบตรงไปตรงมานั้นก็คือ...

ในต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา หรือ ในยุโรป ส่วนใหญ่มีการเก็บ เซอร์วิสชาร์จ (service charge) แต่ละที่ก็มีการจัดเก็บในอัตราที่แตกต่างกันแต่ก็มีการเก็บกัน แต่ในประเทศไทยนั้น ยังไม่ปรากฎว่ามีกฎหมายควบคุมอย่างชัดเจน จึงต้องอาศัยหลักนี้ว่า กรณีนี้จะมีการเก็บ เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  ร้านค้าต้องมีการติดป้ายชัดเจนว่าจะมีการเรียกเก็บ เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  ให้ชัดเจนพอๆ กับค่าอาหาร ถ้ามีการติดป้าย เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  ไว้อย่างชัดเจน เมื่อได้ใช้สินค้าและบริการแล้วอย่างนี้ลูกค้าจะปฎิเสธการชำระเงินคงไม่สามารถทำได้

แต่กรณี ไม่มีการแสดงป้ายชัดเจนว่ามีการคิดค่าบริการ เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  และมาคิดภายหลังกรณีนี้สามารถปฏิเสธการจ่ายเงินได้

สรุปง่ายๆ ให้เข้าใจกัน เซอร์วิสชาร์จ (service charge) ถ้ามีการแสดงป้ายให้ชัดเจนว่าจะมีการเก็บ ก็สามารถเก็บได้  แต่ถ้าไม่ปรากฎว่าจะเก็บ เซอร์วิสชาร์จ (service charge)  อย่างนี้จะมาเก็บภายหลังไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าจะยินดีจ่ายเงิน