ช่วงเวลาการคืนภาษีเงินได้ที่ประชาชนคนไทยจ่ายไว้ เกิน ซึ่งโดยปกติสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น เขาก็จะคืนให้คุณหลังจากคุณกรอกแบบฟอร์มอย่างถูกต้อง (เขากำหนดให้กรอกแบบฟอร์มถึงสิ้นเดือนมีนาคมของทุกปีครับ) จำไว้เลยนะครับว่า คุณต้องระบุว่าคุณประสงค์ขอรับเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่คุณได้จ่ายเกินนั้นคืนมาซึ่งส่วนใหญ่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ภายหลังจากการกรอกแบบฟอร์มไปแล้ว เดือนหรือสองเดือนคุณก็จะได้รับเงินคืนครับ

กรอกแบบฟอร์ม & เอกสารแนบ
การขอคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นการขอเงินคืนจากการหักภาษี ณ ที่จ่าย เช่น ตอนที่คุณรับเงินเดือนหรือค่าจ้าง พอครบกำหนดสิ้นปีภาษี บริษัทห้างร้านที่คุณทำงานหรือรับค่าจ้างซึ่งได้หักภาษีหัก ณ ที่จ่าย เขาก็จะออกใบสำคัญชื่อ “50 ทวิ” เป็นหลักฐานให้คุณแนบยื่นต่อเจ้าหน้าที่สรรพากรในการกรอกแบบฟอร์มเสียภาษี เงินได้ฯ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่เขาคำนวณในแบบ ภงด.91 (หรือ ภงด. 90) ว่าคุณจ่ายภาษีไม่ครบ คุณก็ต้องมีหน้าที่จ่ายภาษีให้ครบ แต่ถ้าเขาคำนวณแล้วผลกลายเป็นว่าคุณจ่ายภาษีไว้เกิน คุณก็แจ้งความประสงค์ขอรับภาษีคืนในเอกสารการเสียภาษี (ภงด. 90 หรือ ภงด. 91) หลังจากนั้นกรมสรรพากรเขาก็จะส่งเช็คสั่งจ่ายภาษีที่หักคุณไว้เกินมาทาง ไปรษณีย์ คุณก็เอาเช็คนั้นไปเข้าบัญชีธนาคารต่อไปครับ
อย่างไรก็ตามการจะขอคืนภาษีเงินได้ คุณต้องยื่นแสดงแบบ ภงด.91 พร้อม 50 ทวิทุกรายการให้เจ้าหน้าที่สรรพากรเข้าพิจารณาเสียก่อน นั่นก็คือคุณต้องเตรียมหลักฐานประกอบ ภงด.91 (หรือ ภงด.90)  ให้ครบถ้วน ทั้งเงินภาษีที่คุณจ่ายไปแล้ว ณ ที่จ่าย หรือเงินค่าลดหย่อนต่างๆ เช่น คุณส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคม เงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าประกันชีวิต ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา เงินบริจาค ฯลฯ

ขอคืนภาษีเงินได้...นิติบุคคล
นอกจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว ภาษีเงินได้นิติบุคคลของอาเฮีย อาซ้อ ฯลฯ ก็สามารถขอคืนได้ครับ แต่ผู้ประกอบการต้องมั่นใจพร้อมรับการตรวจสอบจากกรมสรรพากรเขานะครับ เพราะเมื่อใดที่มีการขอคืนภาษีเงินได้นิติบุคคล กรมสรรพากรอาจจะส่งจดหมายมาหาคุณ เพื่อขอให้คุณชี้แจงพร้อมนำเอกสารต่างๆ ไปให้สรรพากรตรวจสอบ ซึ่งอาจมีการตรวจสอบย้อนหลังไปสักปี 2 ปี หรือไม่อาจจะโดนย้อนหลังไป 5-8 ปี ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเอกสารยังอยู่ครบถ้วนหรือ เอกสารการยื่นเสียภาษีในปีก่อนๆ ถูกต้องหรือไม่ และเวลาที่จะต้องเข้าพบให้คำชี้แจงกับกรมสรพากรที่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลา นานเท่าใด และคุณต้องมั่นใจว่าพร้อมที่จะให้กรมสรรพากรตรวจสอบในทุกๆ เรื่องด้วยนะครับ

ทุจริตขอคืนภาษี...ผิดฐานฉ้อโกง
ทุกๆ ปีในช่วงเวลาของการคืนเงินภาษีฯ ก็มักจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับการทุจริตขอคืนภาษี การทุจริตที่ผมเห็นว่าน่าสนใจและอยากฝากเตือนคุณผู้อ่านก็คือ มีกลุ่มบุคคลกระทำการทุจริตขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเท็จ โดยใช้วิธีส่งคนไปติดต่อกับพนักงานของบริษัทรวมทั้งลูกจ้างของโรงงานต่าง ๆ ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษี เพื่อขอชื่อ–นามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน เลขประจำตัวประชาชนและเลขบัญชีเงินฝากธนาคาร อ้างว่าจะไปดำเนินการขอคืนภาษีให้ จากนั้นก็จะมีการสร้างตัวเลขจำนวนเงินภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายปลอมขึ้นมาและนำไปยื่นแบบฯ ผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อขอคืนภาษีซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือได้ว่าเป็นเท็จ โดยมิจฉาชีพกลุ่มนี้มักล่อหลอกผู้มีหมายเลขภาษีฯ ว่า หากได้รับเงินภาษีคืนแล้วจะจ่ายค่าตอบแทนให้คนละ 500 บาท
ในปีที่ผ่านๆ มา กรมสรรพากรเขาก็สามารถตรวจสอบพบการกระทำผิดได้ทุกรายโดยระบบคอมพิวเตอร์ที่ ทันสมัยครับ ผู้กระทำความผิดหรือร่วมกระทำความผิดจะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงหรือพยายามฉ้อโกงเงินภาษีอากรของรัฐ อันเป็นความผิดตามมาตรา 341 มาตรา80 และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งหากคุณหลงเชื่อคำชักชวนของมิจฉาชีพ แล้วร่วมมือในการทุจริตขอคืนภาษีอันเป็นเท็จ คุณอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงได้นะครับ

สุดท้ายนี้กระซิบบอกคุณผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีให้แผ่นดินไทยว่า หากคุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้เกินแล้วคุณจะขอคืนเงินภาษี คุณต้องดำเนินการภายใน 3 ปี นับแต่ปีที่คุณมีสิทธิได้รับคืนนะครับ มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิและคดีขาดอายุความ เรียกร้องอะไรไม่ได้อีกแล้วครับผม