เชื่อว่าแฟนบอลที่ได้ชมศึกบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล บุกถล่ม แมนฯ ซิตี้ เละเทะคาบ้าน 4-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาต่างต้องประทับใจในฟอร์มการเล่นภายใต้การทำทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นแน่แท้ :)
ทิศทางการวิ่งเปิดเกมบุกของ ลิเวอร์พูล VS แมนฯ ซิตี้
เกมนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจดร็อปสองกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมอย่าง คริสติย็อง เบนเตเก้ กับ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และส่ง เฟอร์มิโน่ ลงเป็นหน้าเป้าตัวจริง ในระบบ 4-3-3 โดยมีตัวช่วยชั้นดีอย่าง อดัม ลัลลาน่า ทางกราบขวาและ คูตินโญ่ ทางกราบซ้าย จากตรงนี้จะเห็นได้ว่า 3 แนวรุกมีทักษะการเลี้ยงบอลไปกับบอลได้ดีทั้งคู่ ซึ่งในเกมก็ส่งผลดีมากเพราะปราการหลังแมนฯ ซิตี้ อย่าง ม็องกาล่า และเดมิเคลิส นั้นช้า การเจอกองหน้าทักษะดีๆ คล่องตัวสูง ส่งผลเต็มๆ ในจุดนี้
และที่น่าสนใจคือ ลิเวอร์พูล จะเน้นการจ่ายบอลจังหวะเดียวและการจ่ายบอลทะลุช่อง ซึ่งนับตั้งแต่ คล็อปป์ เข้ามาดูระบบทีม ลิเวอร์พูล พัฒนาในจุดนี้อย่างมาก
จากกราฟฟิกจะเห็นว่ามีแค่ผู้เล่นเอ้าท์ฟิลด์เพียง 2 คนเท่านั้นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่ไม่มีการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงไปไหน ส่วนอีก 8 รายที่เหลือมีรูปแบบการวิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ไล่เรียงจากตัวเป้าอย่าง เฟียร์มิโน่ ซึ่งรับบทบาทเป็น "False Nine" หรือกองหน้าตัวหลอกที่สามารถวิ่งลงมาเชื่อมเกมแดนกลางและสลับลงต่ำเพื่อให้สองตัวรุกซ้าย-ขวา หุบเข้ามาทำเกมรุกแทน เราจึงไม่เห็นเขาถ่างออกมาเล่นเป็นริมเส้นเหมือนในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ส่วนในตำแหน่งมิดฟิลด์ 3 ราย จะเห็นว่า เจมส์ มิลเนอร์ ต้องลงมารับบทบาทเป็นกองกลางตัวรับช่วย ลูคัส เลว่า ตัดเกมคู่แข่งและปล่อยให้ เอ็มเร่ จัน ยืนสูงกว่าเพื่อคอยคุมโซน และทำให้ทีมสลับมาใช้ระบบ 4-2-3-1 โดยห้อย เฟียร์มิโน่ ยืนหน้าเพียงคนเดียวในช่วงที่ทีมเล่นเกมรับ ซึ่งหน้าที่ของ "ลูลู่" ค่อนข้างตายตัวและไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในเกมรุกมากนัก ทำให้พื้นที่รับผิดชอบน้อยลงและประหยัดแรงลงได้เยอะ สังเกตว่าสองนัดหลังสุด เขาสามารถลงเล่นได้ถึง 90 นาทีเต็ม ทั้งที่สำรองอย่าง โจ อัลเลน ก็ยังพร้อมสแตนบาย
ในขณะที่สองแบ็คซ้าย-ขวา ทำหน้าที่ต่างกันเล็กน้อย โดยทางด้านของ อัลเบร์โต้ โมเรโน่ จะขึ้นสุดลงสุดได้มากกว่า นาธาเนี่ยล ไคลน์ นั่นเป็นเพราะเกมรุกฝั่งซ้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่อนข้างน่ากลัว ซึ่งมีทั้ง อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง อันตรายกว่าอีกฝั่งเยอะ จึงทำให้ ลัลลานา ต้องสกรีนก่อนที่ ไคลน์ จะเข้ามาช่วยซ้อน
แม้ว่าการวางหมากและแทคติกต่างๆ อาจจะดูเว่อร์เกินจริงไปบ้าง แต่จากรูปเกมในวันนั้น เห็นได้ชัดว่าการเพรสซิ่งเพื่อแย่งบอลกลับมาให้ได้เร็วที่สุดตั้งแต่แดนหน้า ทำให้ทีมสามารถเล่นเคาน์เตอร์แอ็ตแท็คได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และไม่ช้าจนคู่แข่งกลับมาตั้งโซนรับได้ทัน แน่นอนว่าพื้นที่ในเกมรุกก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าดูจากสถิติการต่อบอลของ ลิเวอร์พูล ทั้งหมด 385 ครั้ง ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือน่าตกใจ เพราะการออกบอลไม่มากครั้งในการเข้าทำ เป็นเรื่องดีกว่าต่อบอลเป็นสิบครั้งจนช่องปิดและต้องกลับไปเริ่มที่คู่เซ็นเตอร์ใหม่นั่นเอง
เครดิต: siamliverpool
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา