แม้ว่าตำแหน่งผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล จะกลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว สำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุน ซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่เพิ่งโดนปลดจากตำแหน่งไปสดๆร้อนๆ แต่เชื่อว่าสาวก "เดอะค็อป" หลายคนคง จะจดจำภาพช่วงเวลาดีๆที่ตัวเขาเคยเกือบพา "หงส์แดง" เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013-2014 ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน และจายบอลตามช่องแบบเลียดพื้น
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เติบโตขึ้นมาด้วยใจที่รักในฟุตบอล และเริ่มต้นด้วยการเป็นหนึ่งในแข้งเยาวชนของ บัลลีมีน่า ยูไนเต็ด ทีมในลีกล่างๆของประเทศบ้านเกิดในตำแหน่ง กองหลัง และฝึกฝนฝีไม้ลายมือจนกระทั่งอายุ 18 ปี ก็ถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต
"บีร็อด" ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ เร้ดดิ้ง ด้วยวัย 18 ปี และถือเป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งที่เตรียมถูกผลัดดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในอนาคตอันใกล้ แต่ปัญหาที่นักบอลต้องเผชิญกันทุกคนคือ อาการบาดเจ็บ แต่ทว่าสำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มันไม่ได้โชคดีเหมือนคนอื่นๆ
สำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่โชคร้ายมากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อตัวเขาประสบปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณ "หัวเข่า" ตามรังควานตลอดระยะเวลา2ปี ทำให้ช่วงนั้นเด็กหนุ่มชาว ไอร์แลนด์เหนือ แทบจะไม่ได้ลงสัมผัสสนามและร้างสังเวียนไปอย่างยาวนาน จนท้ายที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น
แต่ด้วยความที่มีใจรักฟุตบอลชนิดคลั่งไคล้เข้าเส้น ทำให้ ร็อดเจอร์ส กัดฟันและยืนหยัดอยู่ในวงการ
ฟุตบอลในหน้าที่โค้ชให้กับ เร้ดดิ้ง พร้อมกับลงเล่นเคาะสนิมฝึกสกิลไปพลางๆกับทีมในลีกสมัครเล่นอย่าง นิวพอร์ต, วิตนี่ย์ ทาวน์ และนิวบิวรี่ ทาวน์ หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเริ่มอิ่มตัว "บีร็อด" ได้ตัดสินใจแพ็คกระเป๋าเดินทางเพื่อศึกษาวิธีการเป็นโค้ชมืออาชีพที่ประเทศ สเปน
และในระหว่างที่ ร็อดเจอร์ส กำลังศึกษาวิธีการเป็นโค้ชมืออาชีพก็ได้ไปเจอกับ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชื่อก้องโลกและได้ชักชวนกันเข้ามาทำงานที่สโมสร เชลซี ซึ่งช่วงนั้น "บีร็อด" ได้รับคำสั่งให้เป็นเฮดโค้ชทีมระดับเยาวชนในปี 2004 ก่อนที่จะทำผลงานได้เยี่ยมจนถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาคุมทีมสำรองในปี 2006
ช่วงแรกในการคุมทัพ "แตนอาละวาด" ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่ได้โรยด้วยกรีบกุหลาบ หลังจากออกสตาร์ท 10 นัดแรกด้วยการเก็บชัยได้แค่ 2 นัด แถมอันดับยังหล่นลงไปอยู่ในโซนตกชั้นในช่วงเดือน มกราคม แต่สุดท้ายแล้วด้วย บร๊ะลานุภาพ ของ "บีร็อด" ก็สามารถพาทีมจบอันดับ 13 ของตารางคะแนน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2008/09 พร้อมจารึกสถิติคุม วัตฟอร์ด ไปทั้งหมดทุกรายการ 32 นัด ชนะ13 เสมอ7 และแพ้12
หลังจากโชว์ฝีมือพา วัตฟอร์ด รับประกันความอยู่รอดบนเวที แชมเปี้ยนส์ชิพ พร้อมกับได้ข่าวการลาออกของ สตีฟ ค็อปเปลล์ กุนซือ เร้ดดิ้ง ในเวลานั้นทำให้ "บีร็อด" รีบเหยียบคันเร่งตรงดิ่งไปยังอดีตต้นสังกัดเพื่อรับงานเป็นผู้จัดการทีมและทำการเปิดตัวกันไปวันที่ 5 มิถุนายน 2009 แต่ด้วยผลงานและความเห็นบางอย่างไม่โดนใจบรรดาบอร์ดบริหารทำให้การกลับมาเยือน เร้ดดิ้ง ครั้งนี้ในฐานะผู้จัดการทีม กลับไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับสมัยตอนยังเป็นนักเตะ เหลือไว้เพียงผลงานการพาทีมลงสนาม 23 นัด ชนะ 6 เสมอ6 และแพ้11 เกม (โดนเด้งช่วงกลางเดือน ธันวาคม ในปีเดียวกัน)
หลังจากที่ได้พักสมองจากการคุมทัพราวๆ 6 เดือน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ได้รับโอกาสครั้งใหม่! แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ ซึ่งนั่นก็คือสโมสร สวอนซี และการกลับมาคราวนี้ของ "บีร็อด" ถือเป็นการสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการฟุตบอล อังกฤษ ไม่น้อย ด้วยสไตล์การเล่นที่โดดเด่น ส่งบอลกันแบบเท้าสู่เท้า สุดท้ายแล้ว ร็อดเจอร์ส สามารถพา "หงส์ขาว" เป็นม้ามืดเลื่อนชั้นไปเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก(ในฐานะแชมป์เพลย์ออฟ)เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของทีมจากเวลส์
ฤดูกาล 2011/12 ของศึก พรีเมียร์ลีก ถือเป็นการขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศบนลีกสูงสุดครั้งแรกของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาก่อนหน้านี้อย่างมากมายทำให้ลูกทีมเชื่อใจ และเล่นตามแผน "ติกิ-ตาก้า" อันเลื่องชื่อจนพาทีมน้องใหม่ที่ไม่เคยเลื่อนชั้นขึ้นมาบนลีกสูงสุดมาก่อน จบอันดับที่ 11 ของตาราง และฝีไม้ลายมือไปเข้าตาสโมสร ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งแยกทางกับ เคนนี่ ดัลกลิช ไปไม่กี่วัน
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เปิดตัวเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2012 โดยฤดูกาลแรกของ "บีร็อด" แม้ว่าจะพาทีมจบอันดับ 7 ของตาราง แต่ด้วยความพยายามที่จะเข้ามาปรับระบบด้วยการเล่นบอลบนพื้น และทำความเข้าใจกับนักเตะใหม่ๆใน12เดือนแรก ซึ่งก็พอจะเห็นอนาคตที่ดี และน่าจะไปได้สวยสำหรับความท้าทายครั้งใหญ่ในย่านเมอร์ซีย์ไซด์
ผ่านมาถึงปีที่ 2 (ฤดูกาล 2013/14) เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถือเป็นบุคคลที่สร้างความฮือฮาได้มากที่สุดคนหนึ่งบนโลกออนไลน์เลยทีเดียว หลังจากพา "หงส์แดง" เบียดคั่วแชมป์ลีกไปกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนจะพลาดชูถ้วย พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรชนิดได้ใจ "เดอะค็อป" ทั่วโลก แต่หลังจากนั้นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทำให้แผนงานที่ "บีร็อด" สร้างมาทั้งหมดกับ ลิเวอร์พูล พังพินาศก็มาถึง
ทั้งนี้ เทรนเนอร์ชาว ไอร์แลนด์เหนือ วัย 42 ปี ทำสถิติลงคุมทัพข้างสนามช่วย "หงส์แดง" ไปทั้งหมดทุกรายการ 166 นัด ชนะ83 เสมอ41 แพ้42เกม ต้องมาดูว่าหลังจากนี้สโมสรต่อไปของ "บีร็อด" จะเป็นทีมไหน
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา