น่าสงสารการศึกษาไทย! ครูจำใจสอนแบบผิด ๆ เพราะตำราบอกมาผิด ๆ
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ เมื่อแฟนเพจมิตรสหายท่านหนึ่ง ได้มีการโพสต์ข้อความจากสมาชิกท่านหนึ่งซึ่งเป็นข้อความสะท้อนปัญหาของการศึกษาไทยที่ไม่ได้มีสาเหตุที่ครู หรือ นักเรียน แต่ปัญหามาจากตำราเรียน ซึ่งเป็นต้นทางของแบบแผนความรู้และใช้เป็นตัวยึดเนื้อหาก่อนนำไปใช้สอบแต่ตำราดังกล่าว
บางข้อกลับมีเนื้อหาที่ผิดจากความเป็นจริงก่อให้เกิดการเรียนแบบผิด ๆ ส่วนครูก็จำใจสอนแบบผิด ๆ เพราะข้อสอบวัดระดับทั่วไปนั้นมักจะยึดมาจากหนังสือ ซึ่งข้อความดังกล่าวระบุว่า ภาพประกอบข่าว จากภาพยนตร์ ครูบ้านนอก ภาพประกอบข่าว จากภาพยนตร์ ครูบ้านนอก “วันนี้ ไปดูนักศึกษาสาขาสังคมศึกษาสอบสอน มีคนหนึ่งสอนสาระประวัติศาสตร์เรื่องลักษณะการปกครองแต่ละยุคสมัย เธอแปะสื่อบนกระดานดำเป็นตารางการปกครองยุคต่าง ๆ
เจอเข้าไปว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์มีมาตั้งแต่อยุธยา ส่วนสมัยรัตนโกสินทร์เป็นสมัยประชาธิปไตย วงเล็บไว้ตั้งแต่พ.ศ. 2325 อิฉันเห็นแล้วตกใจแทบสิ้นสติ พอได้สติก็รีบท้วงอาจารย์เจ้าของวิชา (และหัวหน้าสาขา) ที่นั่งข้างๆ ว่าสมบูรณาญาสิทธิราชย์เริ่มมีในสมัยร.5 สมัยประชาธิปไตยก็เริ่มเมื่อ 2475 หรือถ้าจะต้องมาถกเถียงกันจริง ๆ คำตอบก็อาจจะไม่ใช่แบบนี้ อาจารย์บอกว่าเข้าใจ แต่ทำไงได้ในเมื่อแบบเรียนมันเป็นอย่างนี้ เราต้องยึดตามหนังสือเพราะเวลานักเรียนไปสอบวัดความรู้ทั้งระดับโรงเรียน หรือระดับชาติ เขาเอาเนื้อหาในแบบเรียนมาออก
คำตอบคือ ก.ข.ค.ง. ซึ่งเหมือนการบังคับกลาย ๆ ให้ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ อะไรถูกต้องที่สุด ไม่ได้เอื้อให้มีการถกเถียงคิดวิเคราะห์อะไรมากนัก แม้ว่าเราสามารถสอนนักศึกษาให้รู้ทั้งประวัติศาสตร์กระแสหลักและรองได้ แต่ต้องบอกเขาว่าเวลาไปฝึกสอนจะต้องยึดตามหนังสือเรียนเพื่อไม่ให้นักเรียน สับสนและทำข้อสอบได้ เคยมีเรื่องถึงขั้นที่ครูพี่เลี้ยงไม่ให้นักศึกษาสอน เพราะตรวจแผนการสอนแล้วพบว่าใส่เนื้อหาที่แปลกไปจากแบบเรียนหรือเกินความรู้ ที่ครูพี่เลี้ยงมี…
ครูตามโรงเรียนที่โลกแคบ ไม่ยอมติดตามความรู้ใหม่ ๆ มีเยอะ ธรรมชาติของวิชาสังคมศึกษามันไม่ใช่แบบนี้ มันต้องอัพเดตความรู้ตลอดเวลา หรือแม้แต่วิชาประวัติศาสตร์ที่คนดูถูกดูแคลนว่าเป็นวิชาที่ตายแล้ว จะเรียนไปทำไมกับเรื่องโบราณ ก็ยังเป็นวิชาที่มีอะไรใหม่อยู่ตลอด ทั้งหัวข้อการศึกษาแปลกใหม่หรือเรื่องเดิมที่มองในมุมใหม่ ตีความหลักฐานแบบใหม่ ถ้าเพียงแต่ครูอาจารย์จะสนใจติดตามค้นหาความรู้ ไม่ใช่อ่านแต่ในแบบเรียน
มีให้แค่ไหนก็อ่านแค่นั้น สอนไปเท่านั้นโดยไม่คิดไม่ตั้งคำถามสงสารนักเรียน สงสารอนาคตของชาติ แม้แต่นักศึกษาที่ใฝ่รู้ก็ยังโดนผลกระทบจากความโบราณคับแคบแบบนี้ไปด้วย เหตุผลที่ทำให้วิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียนกับในมหาวิทยาลัยแตกต่างกันราว ฟ้ากับเหว อิฉันประจักษ์แจ้งก็คราวนี้…หนักใจจริงๆ”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
