ผู้คนบนโลกออนไลน์ แห่แชร์ภาพพกสเปรย์พริกไทยมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับ 1 ล้านบาท
จากกรณีข่าวสะเทือนขวัญกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ลวงชายหนุ่ม อายุ 19 ปี และแฟนสาว เข้าไปฆ่าหมกป่าและข่มขืนฝ่ายหญิงต่อหน้าฝ่ายชาย ก่อนจับโยนลงเหวเพื่ออำพราง แต่ฝ่ายหญิงรอดชีวิตกลับมาได้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากนั้นผู้คนบนโลกออนไลน์ก็ได้มีการโพสต์ภาพเขียนข้อความ เรียกร้องให้ทางการไทยแก้กฎหมาย “ยกเลิกอภัยโทษคดีฆ่าข่มขืน” ไม่ว่าผู้ต้องหาจะเป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะ หรือเป็นเพียงเยาวชน
ล่าสุดชาวเน็ตต่างพากันแชร์ภาพและข้อความเปรียบเทียบโทษ ระหว่างคดีข่มขืน กับ โทษการพกพาสเปรย์พริกไทย ซึ่งในภาพดังกล่าวระบุว่า การข่มขืนนั้นมีโทษจำคุก 4-20 ปี ปรับ 8,000-40,000 บาท ขณะที่การพกพาสเปร์ยพริกไทย มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับ 1,000,000 บาท หลังภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดความสงสัยว่า เป็นความจริงหรือไม่ที่การพกสเปร์ยพริกไทยมีโทษหนักขนาดนี้
เมื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงทำให้ทราบว่า ภาพดังกล่าวถูกทำขึ้นมานานหลายปีแล้ว ซึ่งทางนายวันชัย สอนศิริ ทนายความและนักพูดเรื่องกฎหมายชื่อดัง เคยพูดถึงเรื่องนี้กับทางเดลินิวส์ว่า สำหรับข่าวลือที่กำลังเผยแพร่ในโลกโซเซียลเน็ตเวิร์กอ้างว่า ผู้ใดพกพาสเปรย์พริกไทยมีโทษจำคุกสูงสุด10ปี และปรับสูงสุด 1,000,000 บาท จึงไม่เป็นความจริง
เนื่องจากสเปรย์พริกไทยมิได้เป็นอาวุธโดยสภาพ เพียงแต่สามารถใช้หรือเจตนาเป็นอาวุธประทุษร้ายร่างกายให้ถึงอันตรายสาหัสอย่างอาวุธได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑(๕) (๒)ส่วนโทษปรับสูงสุด1ล้านบาท น่าจะหมายถึงการดำเนินคดีทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นตาบอด
