เปิดใจ ‘มนุษย์ถ้ำ’ เผย เลือกอาศัยอยู่ในถ้ำเกาะพะงัน ทำให้ชีวิตสนุก เจ้าตัวยันไม่เคยบังคับข่มขืนใคร ด้านเจ้าหน้าที่เผยยังไม่มีการร้องเรียนหรือแจ้งความเอาผิด
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายจตุรภูมิ หรือทูน โลศิริ อายุ 48 ปี หรือ “มนุษย์ถ้ำ” อยู่หมู่ที่ 7 ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายจตุรภูมิ ได้พาผู้สื่อข่าวเลาะชายหาดที่ติดกับเกาะคอม้า ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของเกาะพะงัน ที่มีธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่สวยงามแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ
โดยได้นำผู้สื่อข่าวเดินขึ้นไปชมภายในถ้ำซึ่งเป็นการขุดโดยมนุษย์เพื่อหาแร่ดีบุกในอดีต พบว่าภายนอกและภายในได้มีการนำวัสดุธรรมชาติมาตกแต่งบริเวณปากถ้ำ เช่น การนำทุ่นที่ผูกกับเรือประมงที่หลุดลอยมาติดชายหาด และวัสดุ รวมถึงซากปะการังที่แตกหัก เปลือกหอยหลากหลายชนิดที่สามารถนำมาตกแต่งได้อย่างมีศิลปะสวยงาม
พื้นถ้ำปูด้วยก้อนหินหลากหลายขนาด และมุมที่นอนถูกออกแบบไว้อย่างลงตัว พร้อมด้วยเตาที่ใช้สำหรับทำอาหาร ก็ทำมาจากดินที่ปั้นด้วยมือของนายจตุรภูมิ หรือ ทูน โลศิริ ซึ่งเจ้าตัวแนะนำสิ่งของที่ตกแต่งภายในถ้ำอย่างภาคภูมิใจ
นายจตุรภูมิ หรือทูน โลศิริ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการเข้ามาอยู่อาศัยภายในถ้ำครอบมีความเป็นห่วงหรือไม่ นายจตุภูมิ กล่าวว่า ตนเองกับแม่เพิ่งได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์ โดยแม่โทรมาบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของพ่อ ซึ่งก็ได้ตอบแม่ไปว่าตนเองได้อวยพรวันเกิดพ่อทางข้อความผ่านโทรศัพท์ไปแล้ว
ส่วนการที่มาอาศัยอยู่ในถ้ำนั้น แม่รู้แล้วซึ่งแม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้ว่าสามารถอยู่ได้ ซึ่งแม่ได้เลี้ยงตนเองมาแบบตามใจ ให้ช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งแม่และครอบครัวไม่มีความเป็นห่วง
ทั้งนี้การที่เดินทางมาอยู่ที่เกาะพะงันนั้น เพราะเป็นความชื่นชอบ ประกอบเพื่อนๆ ได้ชวนมาตั้งวงดนตรี แต่ไม่นานวงดนตรีก็แตกไปตามวาระของมัน หลังจากที่วงดนตรีแตกแล้วตนเองก็ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ได้แต่อาศัยวิชาที่เรียนมาคืองานศิลปะออกวาดภาพเหมือนตามสถานที่ท่องเที่ยวและตามถนนคนเดินเพื่อแลกกับข้าวหนึ่งมื้อ บางครั้งวาดภาพเหมือนแลกกับกาแฟ
ซึ่งนายจตุรภูมิ ยังพูดติดตลกอีกว่า บางครั้งก็เกือบจะวาดภาพเหมือนแลกกับน้ำมัน เพื่อเติมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ของตนเอง โดยกล่าวอย่างอารมณ์สนุกสนาน
การที่มาอยู่ในถ้ำนี้ มาจากเพื่อนฝรั่งสัญชาติเยอรมันชวนให้มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งที่จริงแล้วถ้ำนี้ตนเองพบก่อนประมาณสามปีแล้ว แต่ยังไม่ได้คิดมาอาศัยอยู่ ซึ่งหลังจากที่เพื่อนชาวต่างชาติชวนมาอยู่ ก็ได้มาอาศัยอยู่ในถ้ำนี้ประมาณ 7-8 เดือนแล้ว ในปัจจุบันได้ประกอบอาชีพด้วยการวาดภาพตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการว่าจ้าง
เช่น วาดภาพตกแต่งพนัง และเพดานตามโรงแรม และรีสอร์ท ร้านอาหาร รวมถึงโฮสเทล ซึ่งจะได้ค่าจ้างตามชิ้นงานบางครั้งได้สูงหลักแสนบาท บางงานได้แค่หลักร้อยบาทเท่านั้น
สำหรับผู้หญิงที่พามานอนด้วยที่ตนเองได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่มีการบังคับขู่เข็นแต่อย่างใด และไม่เคยนำผู้หญิงที่เป็นชาวต่างชาติมาข่มขืน ซึ่งตนเองไม่ชอบการบังคับขู่เข็น การที่จะมีอะไรกันนั้นจะต้องเกิดจากความเต็มใจ บางครั้งผู้หญิงต่างชาติที่มานอนด้วยปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ตนเองก็ไม่ทำ บางครั้งก็ได้แค่กอดกันเท่านั้น ซึ่งนำผู้หญิงชาวต่างชาติมานอนในถ้ำเกิดจากการพูดคุยทำความเข้าใจระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม นายจตุรภูมิ ได้กล่าวขอบคุณเจ้าของที่ดินว่า ตนเองได้เข้ามาอาศัยอยู่ภายในถ้ำ ทำให้มีชีวิตที่สนุกสนานในถ้ำแห่งนี้ โดยได้อวยพรให้เจ้าของที่ดินหรือญาติของเจ้าของที่ดินมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความสุขความเจริญ
จากนั้นได้โชว์ความสามารถทางดนตรีด้วยการเป่าทรัมเป็ต บทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 9 เพลงชะตาชีวิต และเพลงสากลอีกหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศวิวทะเลของเกาะพะงัน และภาพของเกาะคอม้า
ทางด้านนายเกริกไกร สงธานี นายอำเภอเกาะพะงัน กล่าวถึงเรื่องมนุษย์ถ้ำว่า อำเภอเกาะพะงันได้เข้าไปตรวจสอบพร้อมกับตรวจสอบประวัติ พบว่าเป็นบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบ และจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากรตามที่เป็นข่าว
ส่วนถ้ำที่นายจตุรภูมิ อาศัยอยู่นั้นเป็นที่เอกชน ซึ่งอำเภอเกาะพะงันได้ทำหนังสือสอบถามไปยังเจ้าของที่ดินแล้วว่าจะยังคงให้นายจตุรภูมิ อาศัยอยู่ต่อไป หรือจะให้ออกจากที่ดินบริเวณดังกล่าว ซึ่งอยู่ระหว่างรอคำตอบจากเจ้าของที่ดิน ทั้งนี้การอาศัยอยู่ในถ้ำดังกล่าวขออย่าทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
ส่วนการที่พาหญิงสาวชาวต่างชาติไปนอนด้วยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนหรือแจ้งความเอาผิดแต่อย่างใด เพราะถ้ามีการร้องเรียนหรือแจ้งความเจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการเอาความผิดทางกฎหมายได้
ซึ่งที่ผ่านมาคาดว่าเป็นความประสงค์ของนักท่องเที่ยวด้วย โดยเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ล่อแหลมและเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและได้ทำความเข้าใจพร้อมพูดคุยกันแล้วกับนายจตุรภูมิ
ส่วนการเข้าอาศัยในถ้ำดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าของที่ดินทราบว่า เจ้าของที่ดินไม่ติดใจอะไรจากการที่นายจตุรภูมิ เข้าไปอาศัย เพราะไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อที่ดินแต่อย่างใด
