เฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว ได้มีการโพสต์ข้อความเตือนผู้ปกครองที่มีลูกเล็ก พร้อมวิธีรับมือ หลังพบว่าขณะนี้โรคติดเชื้อไวรัส RSV กำลังระบาดหนักในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีเด็กป่วยแล้วทั่วประเทศ เยอะมากจนคาดว่าหนักกว่า โควิด 19 ตอนนี้มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอาการไข้หวัด หลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส RSV จนแน่นหลายโรงพยาบาลแล้ว
อาการ เมื่อติดเชื้อไวรัส RSV คือ จะมีไข้ ไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก บางรายอาการหนักมีหอบเหนื่อย และหายใจมีเสียงหวีด
อาการมีหลักการ 3 S คือ...
- Swelling หลอดลมบวม ตีบแคบ ทำให้หายใจหอบเหนื่อย ลมเข้าปอดได้ แต่ออกลำบาก เด็กจึงต้องหายใจเร็วและแรง ใช้กล้ามเนื้อกระบังลมช่วยหายใจ
- Spasm หลอดลมไวและตีบได้ ไวต่อสิ่งกระตุ้น
- Secretion สารคัดหลั่งในหลอดลมมาก และอุดหลอดลม หายใจลำบาก ต้องดูดเสมหะช่วย บางรายรุนแรง เขียว หายใจล้มเหลว ต้องให้ออกซิเจน หรือใส่ท่อช่วยหายใจใน ICU
กลุ่มเสี่ยง เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ยิ่งอายุน้อยยิ่งรุนแรง รวมถึงเด็กที่คลอดก่อนกำหนด ที่มีโรคประจำตัวเช่น ปอด หัวใจ
การรักษา ตามอาการ ไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะ ทั้งกินและฉีด ไม่มีวัคซีน ต้องรักษาด้วยการพ่นยา ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจน ให้สารน้ำ ยาลดไข้
การพยากรณ์โรค มีตั้งแต่ไม่รุนแรง หวัด ไอ น้ำมูก ไปจนไปถึงปอดอักเสบ หายใจล้มเหลว ไวรัสตัวนี้หายดีแล้ว มีโอกาสเป็นซ้ำ ร่วมกับถ้ามีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว พ่อหรือแม่ อนาคตเด็กอาจจะเป็นโรคหอบหืดตามมาได้
การป้องกัน ที่พอจะช่วยได้
- หลีกเลี่ยงไปชุมชนคนเยอะ หรือ เลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ และเด็กที่ป่วย ถ้าป่วยต้องอยู่บ้าน หยุดเรียน และไปพบแพทย์
- วัคซีนโรคอื่น ๆ ที่ป้องกันร่วมได้ เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัคซีนไอพีดี เป็นทางเลือกสามารถฉีดได้
- รักษาความอบอุ่นของร่างกาย ช่วงนี้อาการเย็น หนาว ไวรัสชอบ
- คนมีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคหัวใจ โอกาสติด RSV แล้วอาการรุนแรงกว่าเด็กทั่วไป ต้องระวัง อย่าขาดยาประจำ ถ้าป่วยต้องรีบพบแพทย์
- ล้างมือ สวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ป้องกัน RSV ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบได้ มาตรการเดียวกับป้องกันโรคโควิด-19
