พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ครั้งที่ 1/2564 ณ ที่ทำเนียบรัฐบาล
โดยตอนหนึ่งได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามแก้ไขปัญหาบ่อนการพนัน ว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการติดตามผลการปฏิบัติงานของตำรวจ ป.ป.ท. DSI เพราะเกี่ยวพันไปถึงเรื่องของการยึดทรัพย์ด้วย ก็เหมือนกับเรื่องของยาเสพติด ที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการจับกุมแต่ก็ไม่สามารถสาวถึงนายทุนได้ แต่ตอนนี้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย จึงได้ยึดทรัพย์มา ซึ่งก็มีผลงานตามระยะเวลามาแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้ความต้องการเรื่องยาเสพติดลดลง ก็คือประชาชนจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยว เมื่อมีคนต้องการก็มีคนเอามาขาย มีคนแสวงหาผลประโยชน์ แต่ถ้าแก้ปัญหาได้โดยทุกครอบครัวอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภท ขณะเดียวกันชุมชนก็จะต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ถ้าแจ้งเจ้าหน้าที่แล้วยังไม่คืบหน้าก็ให้แจ้งมาที่ตนก็จะสั่งการเป็นราย ๆ ไป
ส่วนกรณียาเคนมผง พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปเสพทำไม ทำไมต้องไปเสพ ซึ่งส่วนนี้มาจากความต้องการ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ในการปราบปราม และทุกคนก็ต้องมีหน้าที่ที่จะทำให้ครอบครัวสุขภาพที่ดี เช่นเดียวกับการเล่นการพนันก็ยังมีคนแอบไปเล่น
ตนไม่เข้าใจคนเหล่านี้ทำอาชีพอะไร อาชีพคือการเล่นการพนันหรืออย่างไรไม่รู้ ก็ยังคงตามจับกุมกันได้ทุกวัน ซึ่งต้องแก้ปัญหาให้ได้ว่าจะทำอย่างไร ให้คนไทยลดในเรื่องเหล่านี้ เพราะความเสียหายจากการเล่นพนันนั้น ยิ่งกว่าไฟไหม้บ้าน เป็นภาระเรื้อรัง ครอบครัวไม่มีความสุข
เพราะฉะนั้น ตนขอร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน จะได้ช่วยแบ่งเบากันได้บ้าง ไม่มีใครทำสำเร็จได้ในคราวเดียว 100 นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ ไม่ว่าใครเก่งกาจสามารถก็แก้ไม่ได้ และไม่ได้บอกว่าตนเก่งที่สุด แต่มีความตั้งใจเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ที่จะทำทุกอย่างให้ได้ ซึ่งทั้งหมดต้องได้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย ถ้ามัวแต่โทษกันไปกันมา ก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักที
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ดังกล่าวของนายกฯ ออกไป ในโลกโซเชียลได้มีการวิพากษ์วิจารณ์โดยหนึ่งในนั้นได้วิจารณ์ว่า บทสัมภาษณ์ตอนท้ายของนายกฯ เหมือนท่านประกาศยอมแพ้เรื่องเหล่านี้ไปแล้ว อยากเปิดบ่อนเชิญ อยากค้ายาเชิญ คนอื่นที่เก่งกว่า ฉลาดกว่าก็แก้ไม่ได้ สุดท้ายประชาชนต้องช่วยตัวเองเหมือนเดิม
