หมอติง! ครูไม่ควรประจานเด็ก สั่งกราบขอขมาหน้าเสาธง

แพทย์หญิงจิราภรณ์โพสต์ติงครู หลังสั่งนักเรียนหญิงก้มกราบหน้าเสาธง ชี้นำความผิดเด็กมาประจาน อาจส่งผลกระทบกระเทือนกับจิตใจ

จากกรณีที่ครูสาวสั่งให้นักเรียนหญิงกราบขอขมาหน้าเสาธง หลังนักเรียนมีอาการแพ้อาหารจนต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยเด็กได้บอกแพทย์ไปว่า กินแกงจืดเต้าหู้ไข่ของโรงเรียนจากนั้นก็เกิดอาการแพ้จึงสันนิษฐานว่าอาจแพ้เต้าหู้ไข่ หลังจากเด็กรักษาตัวจนหายและไปโรงเรียนตามปกติ

จากนั้นครูสาวที่อยู่ในคลิปจึงให้เด็กกินเต้าหู้ไข่เพื่อพิสูจน์โดยรอดูอาการ 24 ชั่วโมง พร้อมระบุหากไม่พบอาการแพ้เด็กจะต้องกราบขอขมาครูหน้าเสาธง โดยให้เหตุผลว่าการที่เด็กไปพูดว่าแพ้อาหารกลางวันโรงเรียนทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ซึ่งภายหลังการพิสูจน์เด็กไม่มีอาการแพ้จึงต้องกราบขอขมาครูคนดังกล่าวต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน

kyy

ล่าสุดแพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความถึงเรื่องดังกล่าวผ่านแฟนเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน ดังนี้ …

ความรุนแรงที่หน้าเสาธง หมอได้ดูคลิปที่เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังร้องห่มร้องไห้ถูกพี่ชายและครูบังคับให้กราบที่หน้าเสาธงของโรงเรียนท่ามกลางสายตาเด็กนักเรียนอีกหลายร้อย เนื้อข่าวบอกว่า เด็กทานอาหารกลางวันแล้วผื่นขึ้น ไปหาหมอแล้วกลับมาบอกครูว่าสงสัยแพ้เต้าหู้ไข่ที่โรงเรียน

สัมภาษณ์ครู ครูบอกว่าเด็กไม่มีประวัติแพ้ ไม่เคยขอยาแก้แพ้ ไม่เชื่อว่าจะแพ้ ครูเป็นนักวิทยาศาสตร์ จะเชื่ออะไร “ต้องมีหลักฐาน” จึงให้เด็กมากินเต้าหู้ไข่ต่อหน้าและถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ ผลปรากฏว่าไม่ได้แพ้จริง จากนั้นครูจึงสั่งให้เด็กมากราบขอขมาเพราะคิดว่าเด็กโกหก เป็นการทำร้ายโรงเรียน ทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง

หมออยากให้เราเรียนรู้เหตุการณ์นี้ร่วมกันดังนี้นะคะ…

1. หลายครั้งสาเหตุของการแพ้ หมอเขายังทำได้แค่สงสัย เพราะสารต่างๆ บนโลกมีมากมาย ใครแพ้อะไรอาจจะได้จากประวัติและการคาดเดา (การทดสอบการแพ้ จะทำเมื่อแพ้ซ้ำ ๆ หรือแพ้รุนแรง แต่ก็ทำได้ในสารเฉพาะอย่าง)

2. ไม่มีประวัติแพ้ ไม่เคยขอยาแก้แพ้ ไม่ได้แปลว่าแพ้ไม่ได้

3. ข้อนี้สำคัญมาก!! การทดสอบการแพ้ “ไม่ควรทำเองโดยพละการ” บางคนแพ้แบบรุนแรง หลอดลมบวม หายใจไม่ได้ ความดันตก เสียชีวิตได้ทันที คนแพ้อาหารหลายคนจึงต้องพกยาฉีดฉุกเฉินไว้กับตัว นี่คือเรื่องที่เป็นอันตรายถึงชีวิต และเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่ควรใช้อำนาจบังคับใครให้ทำเพื่อเป็นการพิสูจน์สิ่งที่ตนสงสัย

4. “การแพ้อาหาร” เป็นปัญหาส่วนบุคคล ไม่ได้เกิดจากอาหารสกปรก ถ้าพ่อแม่ไม่ได้แจ้งการแพ้ไว้ แล้วครูเผลอเอาให้เด็กกิน ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่โรงเรียนต้องรู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียง

5. ถ้าคิดว่าเด็กโกหก สิ่งที่ครูควรทำ คือการคุยกับเด็ก เพื่อหา “ที่มา” ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เด็กต้องโกหก

6. การบังคับกราบ ไม่ได้ช่วยปรับพฤติกรรมอะไรในตัวเด็ก เพราะตราบใดที่สาเหตุไม่ได้รับการมองหาหรือแก้ไข การกราบก็อาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ว่าอีกฝ่ายยอมแพ้ และอีกฝ่ายได้ชัยชนะ

7. การนำความผิดเด็กมาประจานด้วยการให้กราบกรานหน้าเสาธง ส่งผลกระทบกระเทือนกับจิตใจ ส่งผลให้อับอาย และส่งผลร้ายในการพัฒนาเด็ก

8. หลายครั้ง เด็กซึมซับ “ความรุนแรง” “ความก้าวร้าว” “ความเอาชนะ” “ความสะใจ” มาจากต้นแบบที่ได้เห็น “ในโรงเรียน”
น่าเศร้าที่หลายครั้งต้นแบบนั้นมาจาก “ครู”

คนที่เด็กเชื่อถือและศรัทธา รักลูก(ศิษย์) ช่วยกันคิดมองหาสาเหตุแล้วแก้ไข มากกว่าการทำอะไรแค่เพื่อประจานการกระทำนะคะ
เพราะนั่น จะทำให้เราไม่มีวันช่วยเหลือลูก(ศิษย์)ได้อย่างแท้จริง

หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ผู้พบว่าความรุนแรงอยู่ทั่วทุกหัวระแหงในสังคมไทย ความรุนแรงที่เราโอบกอดมันไว้แบบไม่รู้ตัว
ป.ล. เราเอาเรื่องนี้มาเรียนรู้ร่วมกัน เป็นตัวอย่างของการไม่ใช้ “คำรุนแรง ประนาม หรือไม่สุภาพ” กับผู้อื่นนะคะ หมอเชื่อว่า ความเจ็บป่วยก็เกิดได้กับหมอ ความไม่รู้ก็เกิดได้กับครูเช่นกัน




SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา