สมาชิกกลุ่ม ‘อุลตร้าไทยแลนด์’ เข้ามอบตัวแล้ว

กลุ่ม “อุลตร้าไทยแลนด์” เข้ามอบตัวแล้ว หลังก่อเหตุจุดพลุแฟร์ในสนามบอลนัดชิงเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016

จากเหตุการณ์กลุ่ม “อุลตร้าไทยแลนด์”แฟนบอลชาวไทย จุดพลุสีแดงจนเกิดควันและประกายไฟ ภายในสนามฟุตบอลราชมังคลากีฬาสถาน นัดชิงชนะเลิศเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ระหว่างทีมชาติไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งทีมชาติไทยชนะและครองแชมป์ สร้างความรำคาญให้กับผู้ร่วมเชียร์จนกลายเป็นประเด็นโด่งดัง กระทั่งตำรวจได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี และออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องและพยานมาสอบปากคำ

dsc_3868

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่สน.หัวหมาก นายประพจน์ โพธิ์ปาน สมาชิกกลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับพร้อมทนายความ และกลุ่มแฟนบอลอุลตร้า ไทยแลนด์จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก โดยทันทีที่นายประพจน์ ไปถึงไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว จากนั้นก็เดินเข้าไปห้องสอบสวนทันที

อย่างไรก็ดีหลังเสร็จสิ้น การสอบสวนประพจน์ ได้เดินออกมาให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า เป็นผู้นำในการเชียร์เท่านั้น แต่ไม่มีส่วนในการจุดพลุ ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งต้องพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำก่อน ทั้งนี้ตนเคยได้พูดเอาไว้แล้วว่า การผู้ก่อเหตุดังกล่าวไม่ใช่อาชญากร เพียงแค่ทำในสิ่งที่กฏหมายไม่ให้ทำ และทำให้ภาพลักษณ์บ้านเมืองเสียหาย

ADVERTISING

inRead invented by Teads

ดังนั้นอยากเตือนไปถึงกองเชียร์กลุ่มต่างๆว่า ขอให้เชียร์อยู่ในกรอบที่ถูกต้อง โดยหลังจากพูดคุยกันนายประพจน์ได้ยืนยันว่าจะยังเชียร์ต่อไปและรับปากว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ส่วนข้อหานั้นทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำจะเป็นผู้ดำเนินการแจ้งข้อหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้นายประพจน์ ได้พิมพ์หนังสือขอความเป็นธรรม แจกจ่ายให้สื่อมวลชน ระบุว่า “ตามหมายเรียกที่อ้างถึงพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ได้มีหมายเรียกให้ข้าพเจ้าไปพบเพื่อสอบสวนปากคำ กรณีการจุดพลุแฟร์ภายในสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 ธันวาคม เวลา 16.00 น.

ต่อมาข้าพเจ้าได้มอบหมายให้ทนายความโทรศัพท์แจ้งกับพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องเพื่อเลื่อนการเข้าพบ เนื่องจากตามวันเวลาที่นัดหมาย ข้าพเจ้าติดภารกิจที่ต่างจังหวัด โดยมีได้เจตนาที่จะหลีกเลี่ยงหรือมิให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด

โดยภายหลังเมื่อเกิดเหตุการณ์ ข้าพเจ้ากลับตกเป็นจำเลยของสังคม โดยมีสื่อมวลชนบางแห่งกล่าวหาว่าเป็นแกนนำในการจุดพลุแฟร์และลงภาพถ่ายของข้าพเจ้าให้ปรากฏตามหน้าทีวีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์รายวัน รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อาชีพการงานและวงศ์ตระกูล

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งขอความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดีนี้อย่างเป็นธรรมโดยยึดหลักความถูกต้องไม่เอนเอียงไปตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามลำดับดังต่อไปนี้

1.วัตถุประสงค์ของกลุ่ม Ultras Thailand เกิดจากคนที่รักฟุตบอลทีมชาติไทย โดยมีแนวทางการเชียร์ที่เสียงดัง กระตุ้น ปลุกเร้าอย่างเสียงดังตลอด 90 นาที มีการโบกธงตลอด 90 นาที มีป้ายผ้าให้กำลังใจ โดยมีแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศทุกสาขาอาชีพ ทุกอายุตั้งแต่เยาวชนถึงผู้สูงอายุ เข้าไปเชียร์ด้วยกัน

โดยมีสื่อกลางให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันเวลาและสถานที่ในการแข่งขันผ่านทางเพจเพซบุ๊ก Ultras Thailad ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา จนเริ่มมีสมาชิกจนถึงปัจจุบันที่ชอบแนวทางนี้ร่วมเชียร์ในสนามกว่า 1,000 คนในบางแมทช์การแข่งขัน และมีผู้กดติดตามในเพจเฟซบุ๊กมากกว่า 30,000 คน ซึ่งเมื่อพิจารณาในภาพรวมของกลุ่มแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุนและให้กำลังใจทีมชาติไทยอย่างเหนียวแน่น ไม่ได้รวมตัวกันโดยมีเจตนาที่ไม่ดีต่อประเทศชาติแต่อย่างใด

2. อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาปฎิเสธไม่ได้ว่ามีคนในกลุ่มบางคนได้มีการใช้พลุแฟร์และควันสีในการร่วมเชียร์ด้วย ซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจทราบถึงการกระทำหรือห้ามปรามผู้ใดได้ โดยในการร่วมเชียร์กับทางกลุ่มข้าพเจ้าก็เป็นเพียงคนหนึ่งในการร่วมเชียร์ทีมชาติไทย

ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้นำร้องเพลงเชียร์ของกลุ่มเท่านั้น ไม่เคยสนับสนุนให้ผู้ใดนำพลุแฟร์มาใช้ในการร่วมเชียร์ ทั้งยังเคยแจ้งเตือนแฟนบอลสมาชิกผ่านทางเฟซบุ๊กว่า “ทางกลุ่ม Ultras Thailand ไม่สนับสนุนการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดในราชอาณาจักรไทย” เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจให้ทุกๆ คนที่มาร่วมเชียร์ในกลุ่มได้รับทราบ

ซึ่งที่ผ่านมาข้าพเจ้าและทางกลุ่ม Ultras Thailand ได้ช่วยกันดูแลสอดส่องไม่ให้มีการจุดพบุแฟร์ในสนามอย่างดีที่สุดแล้ว การที่มีบุคคลใดนำพลุแฟร์เข้าไปจุดในสนามราชมังคลากีฬาสถานในวันเกิดเหตุ ข้าพเจ้าและทางกลุ่มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นหรือให้การสนับสนุนด้วย อีกทั้งยังไม่เคยมีเจตนาจะทำลายภาพลักษณ์หรือชื่อเสียงของประเทศชาติแต่อย่างใด จึงขอให้ทางตำรวจทำการสืบสวนหาบุคคลผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รองผกก.สอบสวน สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำกว่า 4 ชั่วโมง ผู้ต้องยังให้การภาคเสธ โดยระบุว่าจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ประกันตัวด้วยเงินสด 5 หมื่นบาท ซึ่งหลังจากทางพนักงานสอบสวนจะเรียกพยานบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง

แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าพยานที่จะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมนั้นมีจำนวนกี่คน ขึ้นอยู่กับชุดสืบสวนที่มีการส่งข้อมูลมาให้ทางฝ่ายสอบสวนหลังจากนั้นก็จะทำการเรียกมาสอบสวนเป็นระยะๆ โดยการที่พนักงานสอบสวนอนุญาตให้นายประพจน์ประกันตัวนั้น ก็มีข้อบังคับว่าจะต้องมารายงานตัวอีกครั้งในช่วงระยะเวลา 1 เดือน




SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา