ครอบครัวจำเลย คดีแทงบุตรชาย ของชายวัย 52 ปี กระโดดตึกศาลอาญา เปิดใจยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมย้ำ ทางบ้านไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล
ครอบครัวนายณัฐพงศ์ เงินคีรี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา แทงนายธนิต ทัฬหสุนทร เสียชีวิต เมื่อปี 2559 แต่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ทำให้นายศุภชัย ทัฬหสุนทร เสียใจ จนกระโดดจากชั้น 8 อาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เสียชีวิต แถลงเปิดใจกับผู้สื่อข่าว
โดยนายณัฐพงศ์ ยืนยันว่า ไม่ใช่คนก่อเหตุแทงนายธนิต ซึ่งในวันเกิดเหตุ ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปเล่นน้ำสงกรานต์กับแฟนสาวที่ซอยประชาสงเคราะห์ 1 และระหว่างที่เล่นน้ำ ทราบว่าผู้เสียชีวิตทะเลาะวิวาทกับนายโฟล์ค ที่เป็นเพื่อนตนเอง ก่อนที่ญาติของนายโฟล์ค คือ อาแหม่ม จะเข้าห้ามปราม
จากนั้น ตนเองได้มีปากเสียงและชกต่อยกับผู้เสียชีวิต เพราะอีกฝ่ายกล่าวหาว่า แฟนสาวไปมองหน้า กระทั่งมีการห้ามปราม ก่อนจะมีกลุ่มคนเข้าไปรุมทำร้ายผู้เสียชีวิต ซึ่งตนเองยืนยันว่า ไม่รู้จักนายเบนซ์ จำเลยที่เป็นเยาวชน หรือคนที่ไปรุมทำร้ายด้วย
จากนั้น ตนเองได้นั่งจักรยานยนต์กลับออกมาทางหลังซอย ก่อนมาถูกตำรวจจับกุม และบอกว่านายธนิต เสียชีวิตแล้ว นายณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในตอนแรก ตำรวจอ้างว่า จะกันตนเองไว้เป็นพยาน แต่ก็มาถูกตั้งข้อหา และตกเป็นจำเลย ส่วนตอนชี้ตัวผู้ต้องหา ก็มีตนเองเพียงคนเดียว ไม่มีบุคคลอื่นมาเป็นตัวเลือกแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่า ทางบ้านไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพล และไม่เคยเยาะเย้ยญาติผู้เสียชีวิต อีกทั้งช่วงที่ทราบข่าวบิดาผู้เสียชีวิตกระโดดตึก ทางบ้านก็รู้สึกตกใจ
ด้านแฟนสาวนายณัฐพงศ์ เผยว่า ในวันเกิดเหตุ ขณะเดินไปที่จักรยานยนต์ ได้มีนายเบนซ์ จำเลยที่เป็นเยาวชน เดินมาหาด้วยสภาพมือเปื้อนเลือด และขอซ้อนรถกลับด้วย พร้อมอ้างเป็นคนแทงนายธนิต ซึ่งให้ข้อมูลกับตำรวจไปแล้ว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ
ส่วนมารดานายณัฐพงศ์ ระบุว่า หลังเกิดเรื่อง ทางบ้านก็ถูกโจมตี และมีกลุ่มวัยรุ่นมาวนเวียนหน้าบ้านหลายครั้ง จึงเป็นห่วงความปลอดภัย อีกทั้งลูกชายยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ต้องคอยระแวงอยู่ตลอดเวลา อีกด้าน นางเรวดี ทัฬหสุนทร ภรรยานายศุภชัย ได้เดินทางเข้าพบพลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และมีการประชุมคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
ก่อนที่พลตำรวจโท ชาญเทพ จะเปิดเผยว่า นางเรวดี นำหลักฐานไฟล์เอกสาร ที่นายศุภชัย รวบรวมไว้ มามอบให้เจ้าหน้าที่ โดยทางตำรวจจะเริ่มสืบหาพยานหลักฐานใหม่ เพื่อยื่นในชั้นอุทธรณ์ และพิจารณาสิ่งที่อัยการ สั่งให้พนักงานสอบสวน สอบเพิ่มเติม โดยใช้ระยะเวลา 15 วัน ในการหาพยานหลักฐาน พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษา แต่เป็นเรื่องส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ฝ่ายจำเลย ยังไม่มีการติดต่อเข้าพบตำรวจ ขณะที่สภาพจิตใจของนางเรวดี ขณะนี้ยังไม่ค่อยดีนัก
