แม่ค้าเข้าแจ้งความแล้ว ถูกมิจฉาชีพหลอกทำข้าวกล่องกว่าหมื่นกล่อง พร้อมน้ำดื่ม แต่เบี้ยวไม่มารับของ เสียหายกว่าล้านบาท
นางธนิสร กุยแก้ว อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 268/2 หมู่ 8 ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกให้ทำอาหารกล่อง พร้อมน้ำดื่มส่งโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ด้วยการทำสัญญาผูกมัดเป็นเวลา 5 ปี ให้ผลิตข้าวกล่องประเภทข้าวมันไก่ ข้าวผัดกระเพราหมู ลูกชิ้นผัดเผ็ดทุกวัน วันละ 10,000 กล่อง
และ น้ำดื่มสี อาทิ เก็กฮวย โอเลี้ยง กระเจี๊ยบ เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 10,000 ขวด รวมถึงไข่ต้มผลิตวันจันทร์ถึงศุกร์ วันละ 30,000 ฟอง ระหว่างทำสัญญาถูกเรียกเงินล่วงหน้า เพื่อจ่ายค่าสัมปทาน และขวดเปล่าสำหรับใส่น้ำดื่มล่วงหน้าเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 100,000 บาท
นางธนิสร กล่าวว่า มีกลุ่มบุคคลอ้างชื่อโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกมาว่าจ้างให้บริษัทหาผู้ผลิตข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่มให้ทุกวัน โดยหลอกให้ทำสัญญาเป็นสัมปทานล่วงหน้า 5 ปี และต้องจ่ายเงินล่วงหน้ากว่า 100,000 บาท หลังผลิตข้าวกล่องและน้ำดื่มแล้ว ทางบริษัทจะจ่ายเงินเป็นค่าอาหารกล่องและน้ำดื่มเป็นเงินสดคืนให้ทุกวัน
โดยทำสัญญาแยกส่วนจำนวน 3 เล่ม แยกเป็นผลิตข้าวกล่อง 10,000 กล่อง กล่องละ 35 บาท เป็นเงิน 350,000 บาทต่อวัน ผลิตส่งทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ผลิตน้ำดื่มสี 10,000 ขวดต่อวัน ขวดละ 15 บาท เป็นเงิน 150,000 บาทต่อวัน ผลิตเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และไข่ต้มอีก 30,000 ฟอง ถุงละ 3 ใบ รับซื้อถุงละ 20 บาท
โดยไข่ต้มยังไม่รับผลิต ที่สำคัญตนเห็นว่าผู้มาติดต่อเป็นคนรู้จักกัน และมีพื้นที่อยู่ตำบลพญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ด้วยความหลงเชื่อและหวังมีรายได้จากการผลิตข้าวกล่องและน้ำดื่มทุกวัน วันละหลายแสนบาท จึงทำสัญญาสัมปทานกับบริษัทดังกล่าวไป
พร้อมเรียกพี่สาวและน้องสาวมาร่วมลงทุนซื้อข้าวของเครื่องใช้และเครื่องครัว พร้อมเรียกชาวบ้านพื้นที่ใกล้เคียงและรู้จักกันจำนวนกว่า 60 คนมาเป็นแรงงาน เพื่อผลิตข้าวกล่องและน้ำดื่ม ทำกันหามรุ่งหามย่ามค่ำเหน็ดเหนื่อยกันแทบตายทั้งวันทั้งคืน โดยลงทุนไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท
หลังจากทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว และทำการผลิตข้าวกล่องพร้อมน้ำดื่ม โดยที่ยังไม่ได้ผลิตไข่ต้ม ปรากฏว่าผู้ทำสัญญาอ้างว่า ทำไม่ถูกต้องบ้าง ทำไม่ครบบ้าง เพื่อหาข้ออ้างและหลีกเลี่ยงที่จะไม่รับข้าวกล่องและน้ำดื่มที่ผลิตไว้ ทำให้ข้าวกล่อง และน้ำดื่มเกิดเน่าบูดจนได้รับความเสียหาย
การลงทุนไปกับข้าวของเครื่องใช้ อาทิ ข้าวสาร พริก น้ำมัน น้ำปลา น้ำตาล แก๊สหุงต้ม กล่องโฟม หม้อหุ้งข้าวที่ต้องซื้อใหม่ และ อุปกรณ์อื่นที่ใช้ในการผลิตข้าวกล่องและน้ำดื่ม รวมถึงค่าแรงที่ยังไม่ได้จ่ายให้กับผู้ใช้แรงงานเป็นเงินกว่า 1,000,000 บาท สร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก จนเป็นหนี้เป็นสิน ด้วยการกู้ยืมเงินและนำรถยนต์เข้าจำนำกับไฟแนนซ์ ถึงกับหมดเนื้อหมดตัว แทบจะต้องฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ ล่าสุดผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสอน สภ.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 299,000 บาท โดยให้ชดใช้ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน แต่หากไม่จ่ายก็จะคิดค่าเสียหายเพิ่มเป็น 799,000 บาท ซึ่งเป็นค่าสัญญา ค่าอุปกรณ์และค่าจ้างแรงงาน
