จากกรณีพบศพ นายภานุวัตร ศรพรหม,นางเยาวลักษณ์ ศรพรหม และบุตรชายอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของทั้งคู่ ถูกยิงเสียชีวิตภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้านเลขที่ 9/5 หมู่บ้านเมลาวิลล์ ถนนเสมาฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งในเวลาต่อมาลูกชายคนโต อายุ 19 ปี ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าพ่อแม่และน้องชายเอง เนื่องจากแค้นพ่อแม่ไม่ซื้อรถให้ตามสัญญา และน้อยใจที่พ่อแม่รักน้องมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (14 มี.ค.) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ว่าญาติติดใจคำให้การของพี่ชายคนโต โดยวานนี้ (13 มี.ค.) ได้มีพิธีการฌาปนกิจศพน้องชายคนเล็ก อายุ 16 ปี ที่วัดราษฎร์บำรุง หมู่ 5 ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โดยมีคณะครูและเพื่อนๆ ที่โรงเรียนมาร่วมในพิธี หลังจากกล่าวคำอาลัย เพื่อนร่วมชั้นก็ร่วมร้องเพลงไว้อาลัยครั้งสุดท้าย ส่วนคุณแม่จะมีพิธีฌาปนกิจศพ จะจัดขึ้นวันอาทิตย์นี้เวลา 09.00 น. ส่วนคุณพ่อเวลา 16.00 น. เนื่องจากเป็นอดีตข้าราชการกรมป่าไม้ จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ โดยผู้สื่อข่าวได้มีการพูดคุยกับญาติๆ ทั้งฝ่ายพ่อและแม่ ทุกคนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่เชื่อในคำให้การของหลาน เพราะดูจากการวางแผนและคำให้การเปรียบเทียบกับการกระทำต้องโกรธแค้นมากๆ เพราะครอบครัวของหลานเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ จึงไม่เชื่อว่าหลานจะกดดันจนตัดสินใจก่อเหตุขึ้น
โดย น้าชายและน้าสาว ญาติฝั่งแม่ของผู้ต้องหา บอกว่าไม่อยากจะเชื่อ พร้อมได้นำภาพซึ่งถ่ายขึ้นเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา โดยตั้งข้อสงสัยว่าทำไมผ่านมาไม่ถึง 3 เดือน หลานอายุ 19 ปี ถึงมาก่อเหตุ โดยน้าสาวบอกว่าหลานไม่มีลักษณะเก็บกด อาจมีโลกส่วนตัวสูงบ้าง แต่ไม่ได้เก็บตัว เมื่อก่อนเจอกันเกือบทุกวัน แต่หลังจากเข้ามหาวิทยาลัยก็เจอกันน้อยลง แต่ทักทายคุยกันปกติ ยอมรับว่าประมาณปีกว่าหลานมาปรึกษาเรื่องแม่ไม่ยอมให้ออกไปเที่ยวคนเดียว ตนก็อธิบายไปว่าช่วงนั้นมีข่าวเด็กนักเรียนยิงกันตีกันบ่อยๆ แม่เป็นห่วงจึงไปรับไปส่งตลอด ตนยังบอกพี่สาวว่าถ้าลูกโตแล้วก็ให้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ บ้าง ตอนนั้นหลานก็เข้าใจ และพอเข้ามหาวิทยาลัย ขึ้นปี 1 ทางบ้านก็ปล่อยเป็นอิสระ ไปไหนเองคนเดียว ส่วนเรื่องซื้อรถ คุณพ่อของหลานซื้อรถมาแล้ว เพราะหลานบอกเองว่าอยากได้นิสสัน เทียน่า แต่ด้วยวุฒิภาวะของหลานยังน้อย คุณพ่อก็เลยให้ขับได้เฉพาะเวลาอยู่กับคุณพ่อเพราะกลัวจะเกิดอันตราย
"น้องเขารักพี่เขามาก เขาปรึกษากันนะคะ เวลามีปัญหาอะไรเขาปรึกษากัน ตกใจมาก ไม่เชื่อ งง ช็อกเกิดอะไรขึ้น คือหลานไม่ใช่คนแบบนี้" น้าสาว กล่าว
ด้าน น้าชาย ซึ่งอยู่กับหลานตลอด ขณะที่ตำรวจสอบปากคำ กล่าวว่า สงสัยในคำให้การของหลานที่บอกว่าถูกครอบครัวกดดัน เพราะมันขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงของครอบครัว เพราะครอบครัวของพี่สาวสมบูรณ์เต็มร้อย ไม่เคยเห็นว่าดุด่าหรือใช้ความรุนแรง เรื่องเรียนหลานก็เลือกเรียนเองทุกอย่าง ครอบครัวไม่เคยบังคับ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ทุกคนก็ภูมิใจ น้องเขาภูมิใจ คุณพ่อก็พาซื้อคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยให้อยู่ เพราะสะดวกเรื่องการเดินทาง ตอนนี้หลานมีแทบทุกอย่างมีมากกว่าน้องชายคนเล็กด้วยซ้ำ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นแรงกดดันจากครอบครัว
"มันเกิดขึ้นคนเดียวไม่ได้ ในความคิดส่วนตัวของผม เด็กคนเดียวจะสามารถวางแผนขนาดนี้ และดำเนินการด้วยตัวเองคนเดียว มันจะได้อะไรขึ้นมา เพราะว่าที่เขาทำมันมีแต่ความสูญเสีย มันไม่ได้อะไรเลย สุดท้ายตัวเขาก็สูญเสีย แต่แรงพลักดันและแรงจูงใจที่เขาเชื่อมั่น ทุกคนยังสงสัยอยู่ว่าเป็นเพราะอะไร"
ขณะที่ ย่าของผู้ต้องหา กล่าวว่า ครอบครัวนี้รักกันดี ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทุกเทศกาลจะแวะมาเยี่ยมย่าทุกครั้ง พ่อแม่บ่นลูกเป็นเรื่องปกติ พอทราบข่าวไม่เชื่อว่าหลานคนโตจะทำ และไม่คิดว่าเด็กคนเดียวจะทำได้ มีคนแนะหรือคนยุหรือเปล่า ย่าเองก็ไม่รู้ คุณย่าบอกว่าหลังเกิดเหตุตอนเจอหน้าหลานครั้งแรก หลานไม่ได้บอกว่าทำไปเพราะอะไร เพียงแต่บอกว่าขอโทษ และหลังพ้นโทษจะขอบวชไม่สึก ตนก็ให้อภัยเพราะว่าเป็นหลาน
ขอบคุณข้อมูล Postjung.com
Mono Mobile
แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์
Mono Technology
อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007
TAGS
บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา