เมืองไทย ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว แหล่งสวรรค์ของชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาสัมผัสกับสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งภูเขา น้ำตก ทะเล สถานบันเทิง มีครบสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางรายได้ให้กับประเทศ
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คาดการณ์ว่า ในปี 2557 แนวโน้มรายได้อาจจะพุ่งถึง 2 ล้านล้านบาท แต่อาจมีการชะลอตัว เหตุปัญหาความไม่สงบภายในประเทศในบางช่วง เพราะสถานการณ์ทางการเมือง ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการท่องเที่ยวมากที่สุด
ข้อได้เปรียบของการเข้ามาเที่ยวที่ ประเทศไทยนั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ระบุว่า มี 2 เหตุผล ที่ตัดสินใจเลือก คือ คุ้มค่าคุ้มราคา ไม่ว่าจะเดินทาง อาหาร ค่าเข้าชม ค่าบริการต่างๆ ไม่แพงจนเกินไป และเป็นมิตรไมตรี ยิ้มแย้มแจ่มใจ ให้บริการด้วยความเต็มใจ ทำให้นักท่องเที่ยวหลงใหล เมื่อรัฐบาลขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ก็จะสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้อย่างมหาศาล
แต่แล้ว เมื่อมีปริมาณนักท่องเที่ยวมากขึ้น การควบคุมดูแลก็ยากลำบากมากขึ้น เห็นได้ชัดที่เป็นปัญหาในขณะนี้ก็ คือ นักท่องเที่ยวจีน (บางคน) ที่แห่กันมาเที่ยวที่ จ .เชียงใหม่ ทำเอาคนในท้องถิ่น ผู้ให้บริการนักท่องเที่ยว ต่างเอือมระอากับพฤติกรรมสุดยี้ แบบ “China only” เนื่องด้วยความแตกต่างด้านวัฒนธรรม ทำให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้ขึ้น เช่น
-การเข้าพักอาศัยในโรงแรมเกินจำนวนคนที่กำหนด
- ไม่พยายามกดชักโครกหลังเสร็จกิจ
-ถ่มน้ำลายในสถานที่ต่างๆ
-ขี้เหนียว จุกจิก กินอาหารชามเดียว แบ่งกันหลายคน ต่อราคามหาโหด
-พูดคุยเสียงดังโวยวาย ไม่เกรงใจคนรอบข้าง
-ไม่เคารพกฎของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ การแซงคิว ผลักผู้อื่น สูบบุหรี่ ทิ้งขยะไม่เป็นที่
-เลือกของกระจุยกระจาย โยนสินค้าเหมือนสิ่งไม่มีค่า
-ขับรถกินเลน แซงซ้ายแซงขวา แถบยังขับรถย้อนศร
(พฤติกรรมข้างต้น เป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่ม ไม่ได้เหมารวมทั้งหมด)
จากประสบการณ์ท่องเที่ยวเชียงใหม่ พ่อค้าแม่ค้าหลายราย เลี่ยงที่จะขายสินค้าให้คนจีน ด้วยเหตุผลที่ว่า นักท่องเที่ยวจีน มักจะเลือกชิมอาหารหลายอย่าง ไม่ชิมในส่วนที่แบ่งไว้ และสุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ หากเป็นร้านอาหารที่มีน้ำซุปแถมให้ เรียกได้ว่า กระดูกหมู หรือเศษอาหารจะเรี่ยราดบนโต๊ะ จนเจ้าของร้านปวดหัวต้องตามเช็ดทำความสะอาดกันเหนื่อย
ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสังคม และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมเพิ่มมากขึ้น คนในท้องถิ่นเองก็ไม่ได้มีความภาคภูมิใจนัก ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในเชียงใหม่จำนวนมาก พฤติกรรมเช่นนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่หยาบคาย ไม่เหมาะสม แต่เป็นนิสัยของคนจีน ที่จะเป็นตัวของตัวเอง และเป็นพฤติกรรมสังคมอยู่แล้ว ไม่มีการเรียนรู้มารยาททางสังคมอื่นๆ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวในทั่วทุกมุมโลก ก็จะพบกับนักท่องเที่ยวจีนที่ไม่ค่อยน่ารัก ไม่เคารพกฎกติกามากนัก
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจีน ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย และจะแห่เข้ามาเที่ยวเชียงใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยกระแสจากหนัง Lost in Thailand และเป็นผลมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกด้านหนึ่ง หน่วยงานของรัฐคงต้องหันมาจริงจังกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากขึ้น ให้ข้อมูล แนวทางปฏิบัติ รวมทั้งออกกฎต่างๆ ควบคุมพฤติกรรมต่างๆให้พวกเขารู้ว่า วิถีชีวิต มารยาททางสังคมนั้นแตกต่างกัน
เพราะในเมื่อนักท่องเที่ยวเต็มใจมาเที่ยวเมืองไทย และเราก็ไม่สามารถห้ามการเข้ามาเที่ยวได้ การส่งสารบอกถึงพฤติกรรมแย่ๆ ให้พวกเขารู้ ก็อาจจะช่วยปรับปรุง ลดพฤติกรรมเหล่านั้นลงได้ เริ่มจากมัคคุเทศน์หรือหนังสือนำเที่ยว รวมไปถึงการติดป้ายประกาศกฎ ข้อห้ามต่างๆ เป็นภาษาจีน เนื่องจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มากับคณะทัวร์ ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อการท่องเที่ยวมีบรรยากาศที่ดีขึ้น ประทับใจกันทั้งสองฝ่าย
พฤติกรรมของพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หลายฝ่ายหวังจะให้นักท่องเที่ยวปรับปรุงตัว และกลายเป็นนักท่องเที่ยวที่น่ารักในสายตาคนทั่วโลก เมื่อเป็นเช่นนั้น เมืองไทย ก็พร้อมต้อนรับสำหรับการมาเยือนเสมอ
