จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ว่า มีหญิงสาวชาวอินโดนีเซียรายหนึ่ง ได้เผยถึงวิธีการรักษาสิวบนหน้า ด้วยการให้แมวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงเลียที่ใบหน้าทุกวัน จนเกิดเป็นฮือฮา และมีการตั้งคำถามว่าน้ำลายของแมวสามารถรักษาสิวได้จริงหรือไม่นั้น
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมาเพจ กรมการแพทย์ ได้มีการส่งต่อข้อความจากแพทย์ผิวหนัง เตือนว่าการให้แมวเลียหน้ารักษาสิวนั้นทำไม่ได้จริง แถมเสี่ยงเกิดโรคจากของน้ำลายแมวจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้
โดยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีการเสนอข่าวว่ามีการรักษาสิวบนใบหน้าที่น่าตะลึงของหญิงชาวอินโดนีเซีย โดยมีการให้แมวแท็บบี้นั่งบนหนังสือเรียน และคอยเลียใบหน้าขณะเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน เป็นเวลา 3 เดือน
ปรากฏว่าสิวบนใบหน้าลดลง ใบหน้าดีขึ้นหลังจากให้แมวที่เลี้ยงเลียใบหน้าทุกวัน จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าในช่องปากของแมว และในน้ำลายแมว จะมีแบคทีเรียประจำถิ่นเป็นจำนวนมาก
น้ำลายแมวมีเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ติดเชื้อเป็นโรคไฟลามทุ่งได้
ซึ่งแบคทีเรียนี้ ไม่ก่อโรคในแมว แต่ถ้าแมวกัดคนเป็นแผลรอยเขี้ยว แบคทีเรียในน้ำลายจะเข้าสู่บาดแผล ทำให้ติดเชื้อเป็นโรคไฟลามทุ่ง (Cellulitis) ถ้ารักษาไม่ทัน แบคทีเรียอาจลามเข้ากระแสเลือด ทำให้เสียชีวิตได้
ด้าน แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ชอบให้แมวเลียสิวบนใบหน้า แบคทีเรียในน้ำลายแมวอาจผ่านสะเก็ดแผลเล็กๆ บนตุ่มสิวทำให้ติดเชื้อเป็นโรคไฟลามทุ่งได้ จึงไม่ควรให้แมวเลียที่ใบหน้า
แม้ไม่เป็นสิว แบคทีเรียอาจผ่านแผลเล็กๆ หรือเยื่อบุปาก เยื่อบุจมูกได้ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เป็นสิวเล็กน้อย สามารถดูแลรักษาเองด้วยวิธีการล้างทำความสะอาด ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ห้ามบีบแกะสิว ถ้าเป็นสิวมาก มีตุ่มแดง ตุ่มหนอง ควรไปพบแพทย์ ห้ามซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง เพราะอาจแพ้ยา เกิดเชื้อดื้อยาได้
