นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการดำเนินมาตารการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ตัวเลขลดลงต่อเนื่อง แม้จะมีกรณีของคนไทยในเดินทางกลับจากต่างประเทศทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มในบางวัน
แต่ภาพรวมก็ลดลง ขณะที่ ภาพรวมการเดินทางของคนไทยในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค. ลดลงต่อเนื่อง เหลือประมาณ 1 ล้านคนต่อวัน หรือลดลง 65% เป็นตัวเลขที่ดีทั้งจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ การเว้นระยะห่างและการให้ทำงานที่บ้าน
ส่วนอัตราการป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ โดยระบุว่า จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เปรียบเทียบปี 2562-2563 จำนวนผู้ป่วยสูงสุดในช่วงเดือน ม.ค. -มี.ค.จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ราย ขณะที่ค่ากลางประมาณ 30,000 ราย แต่ปีนี้ เมื่อรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากาก และมีมาตรการเว้นระยะห่าง ปรากฎว่ายอดผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ลดลงมา 10,000 กว่าราย
สิ่งที่น่าห่วงที่สุดขณะนี้คือ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งอาจมีการเดินทางกลับภูมิลำเนา และสัมผัสใกล้ชิดกับคนในครอบครัว เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ติดเชื้อจากคนใกล้ชิด โดยเฉพาะคนในครอบครัว สถานที่ทำงาน กิจกรรมรวมกลุ่ม และอื่น ๆ หากสงกรานต์ไม่ควบคุม หรือไม่งดเว้นระยะห่างทางสังคม ก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อการติดโรคได้
นพ.บัญชา กล่าวต่อว่า กรมอนามัยได้วิเคราะห์ความเสี่ยงวันสงกรานต์ไว้ 3 เสี่ยงซึ่งเราสามารถเลี่ยงได้ คือ
1)เสี่ยงจากการเดินทาง เยี่ยมบ้าน
2) เสี่ยงจากการกินเลี้ยงสังสรรค์
และ 3) เสี่ยงจากการกราบไหว้ รดน้ำดำหัว ทั้งนี้คาดว่าช่วงสงกรานต์ยอดติดเชื้อโควิด-19 จะกลับมาสูงขึ้น เพราะเชื้อสามารถแพร่กระจายได้ง่ายด้วยการใช้น้ำ โดยเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำได้นาน 4-10 วัน ฉะนั้นขอให้ประชาชนร่วมมือป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง
