น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra ถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ที่มีการชี้มูลความผิดเรื่อง การใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี โดยมิชอบ และเรื่องโครงการทุจริต Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 วงเงิน 240 ล้านบาท ว่า
หลังจากที่ตนเห็นการทำงานของ ป.ป.ช. เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก็เกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงมีความขยันในการเร่งรัดคดีของตนอยู่ฝ่ายเดียว เพราะภายในเดือนนี้เดือนเดียวได้มีการชี้มูลความผิดตนถึง 2 คดี
โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 ชี้มูลเรื่องการใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ โดยมิชอบ และก็ถูกชี้มูลในเรื่อง โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 ภายในเดือนเดียวกัน
ดูเหมือนว่า ป.ป.ช. ให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลปัจจุบันมากเป็นพิเศษในหลายคดี แทนที่จะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณ และการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับมาเร่งรัดคดีของฝ่ายตรงข้าม
อดีตนายกฯ ระบุอีกว่า กรณีการย้ายนายถวิล ตนไม่มีเจตนากลั่นแกล้งใคร เพราะเป็นการใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่งานด้านความมั่นคง ที่สามารถเป็นที่ไว้วางใจของรัฐบาล โดยในยุคของรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการโยกย้ายข้าราชการมากมาย
แต่กลับไม่มีความผิดเพราะมีมาตรา 44 คุ้มครอง และคดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 เพื่อให้ตนพ้นจากหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี และวันรุ่งขึ้น 8 พฤษภาคม 2557 ป.ป.ช. ก็ชี้มูลเรื่องคดีจำนำข้าวโดยเร่งรัด ต่อมาเดือนเดียวกัน วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น จนทำให้ทุกวันนี้ประชาชนต้องออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
ส่วนกรณีการจัดทำโครงการโรดโชว์สร้างอนาคตไทยนั้น รัฐบาลของตนเสนอนโยบายสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายเรื่อง โดยการออกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... หรือที่เรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน
เป็นโครงการที่ทำให้เกิดการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ ไม่มีเรื่องทุจริต และรัฐบาลชุดปัจจุบันก็นำโครงการนี้มาดำเนินการต่อ และวันนี้รัฐบาลปัจจุบันก็จำเป็นต้องออกนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ซึ่งมากกว่ารัฐบาลของตน โดยปราศจากการท้วงติงหรือการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.
อดีตนายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้ตนใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ในต่างประเทศอย่างปุถุชนคนทั่วไป แต่ต้องมาถูกกล่าวหาในทางอาญา 2 เรื่อง ติดต่อกันในเวลาไม่ถึง 1 เดือน เพื่อให้มีการพิจารณาคดีลับหลังตน จึงอดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ช่างสอดคล้องกับความโชคร้ายในชีวิตของตนที่โหยหาความยุติธรรม
โดยตนไม่อยากให้ความยุติธรรมเลือกข้าง เพราะความยุติธรรมจะต้องไม่เหลื่อมล้ำ ถ้าเป็นนักการเมืองหรืออดีตนักการเมืองฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิดเสมอ แต่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ผิดเลย ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมดสิ้นไป
