นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานการพิจารณากรณีการสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา เผยถึงการพิจารณาสำนวนคดีนี้ว่า
หลังจากได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจากตำรวจ สน.ทองหล่อ ที่มีการสอบสวนพยานจนพบหลักฐานใหม่ เรื่องความเร็วในการขับรถ และการเสพโคเคน
โดยพยานคนแรกคือ นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่คำนวนความเร็วรถของนายวรยุทธ ขณะขับรถชนดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต พบความเร็วระหว่าง 110-145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พยานอีกคนคือ นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบความเร็วรถของนายวรยุทธ ตั้งแต่เกิดเหตุ และยืนยันความเร็วอยู่ระหว่าง 160-190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ส่วนกรณีพบสารเสพติดอยู่ในร่างกายของนายวรยุทธ พบสารแปลกปลอมในร่างกาย 2 ชนิด ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบแล้วสรุปได้ว่า เป็นสารที่เกิดจากการเสพโคเคน
ทั้งนี้ ทางคณะทำงานจึงสรุปมีความเห็นสั่งฟ้องทั้ง 2 ข้อหากับนายวรยุทธใหม่ เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานใหม่และเป็นพยานสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหา จึงเห็นควรสั่งฟ้องในข้อหา
1. ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุเฉี่ยวชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย
2. ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) พยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนเดิม และได้จากการสอบสวนเพิ่มเติม
หลังจากนี้ ทางคณะทำงานจะแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนให้เร่งติดตามตัวนายวรยุทธ มาส่งฟ้องเพื่อดำเนินคดีโดยเร็ว ให้ทันอายุความในข้อหาขับรถโดยประมาท ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 3 กันยายน 2570 และข้อหาเสพโคเคน หมดอายุความวันที่ 3 กันยายน 2565
ด้าน นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ กล่าวว่า การสั่งฟ้องตัวผู้ต้องหาคดีในประเทศไทยจะต้องมีตัวผู้ต้องหามาสั่งฟ้องด้วย
ซึ่งนายวรยุทธมีหลักฐานเชื่อว่าอยู่ต่างประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการขอศาลออกหมายจับ หากพบข้อมูลที่อยู่ชัดเจนว่าอยู่ประเทศใด ก็ต้องขอหมายจับจากตำรวจสากลต่อไป
