ในการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออกประเทศวันสุดท้าย 27 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงประเด็นอภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่เรียกร้องให้ลาออก ว่า
ตนเองไม่เคยแบ่งชนชั้น ระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ เพียงแค่ต้องการทั้งสองรุ่น ทำงานร่วมกันได้ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป พร้อมย้ำว่าตนเองไม่ได้ต้องการรักษาอำนาจให้ยาวนานที่สุด แต่ปัจจุบันหน้าที่ของตนเองยังไม่จบ ตนต้องทำให้จบ จะจบด้วยอะไรก็แล้วแต่
หลายคนมองว่าตนเป็นต้นตอของปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง พูดถึงเรื่องการยึดอำนาจ รัฐประหาร แต่ไม่เคยพูดถึงเผด็จการรัฐสภาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น ดังนั้นปัญหาเหล่านี้ต้องถูกแก้ไขเช่นเดียวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ตนก็ไม่เคยก้าวล่วงหรือเข้าไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
คิดว่าเป็นการตรวจสอบการถ่วงดุลที่เข้มข้น เพราะประวัติศาสตร์เกิดขึ้นมาแล้ว วันนี้อยากจะแก้ ตนก็ให้แก้ ก็แก้กันไป อย่าโยงตรงนั้นตรงนี้ ทำให้เข้าใจผิด วันนั้นหากไม่มีการยึดอำนาจ ท่านทราบดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดการจลาจลในประเทศไทยหรือไม่ เพราะสองฝ่ายมีจำนวนมาก
หลายคนบอกว่าตนเป็น ผบ.ทบ. ที่ลำเอียง แต่ตนยืนยันว่าตนทำตามทุกรัฐบาล ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทุกรัฐบาล มากบ้าง น้อยบ้างเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นก็เป็นบทเรียนของเรา วันนี้ตนต้องพูด ไม่พูดก็ไม่ได้
ขอกราบเรียนไปทางบ้านด้วยว่าอย่าลืมว่าประวัติศาสตร์ คือปัจจุบันและอนาคต คนของเรา ประชาชนคนไทยทุกหมู่เหล่า ทุกศาสนา อยู่ในประเทศไทยต้องรักประเทศไทย ตนบังคับท่านไม่ได้ แต่เป็นสิ่งที่ท่านต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
หลายอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนที่ตนจะเข้ามานั้น ลืมไปแล้วหรือยัง ลืมไปแล้วทั้งหมด สมัยนั้นท่านทำอะไรกัน สิ่งที่เกิดวุ่นวายที่ผ่านมา การทุจริตที่มีหลักฐานชัดเจนเชิงประจักษ์ ท่านลืมไปหมดแล้วหรือ
ถ้าลืมก็กรุณาไปทบทวนใหม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในปี พ.ศ. 2557 แล้ววันนี้บ้านเมืองวุ่นวายเพราะอะไร ก็ขอให้ทุกคนทบทวนหลายท่านอาจจะความจำสั้นไปนิด
