สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีแนวคิดว่าจะเก็บค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด หากผู้ป่วยรายนั้นติดเชื้อมาจากบ่อนการพนันและการลักลอบข้ามชายแดนแบบผิดกฎหมาย
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดแนวคิดนี้ ก็เพราะโรงพยาบาลต้องเสียเงิน เสียทรัพยากร เสียกำลังคน ไปดูแลคนเหล่านี้ และต้องจำกัดเวลาให้บริการประชาชนทั่วไป เงินงบประมาณที่ควรจะเอาไปดูแลรักษาประชาชนทั่วไป ต้องเอามาใช้ดูแลคนทำผิดกฎหมายเหล่านี้นั่นเอง
โดยนายอนุทิน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ประเด็นชวนคิด ผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าคนไทยหรือคนต่างชาติ ที่อยู่ในประเทศต้องได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสาธารณสุข “ไม่มีการปฏิเสธการรักษา” ย้ำตามนี้ ครับ
แต่ภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา ผู้กระทำความผิด ละเมิดกฎหมาย ลักลอบข้ามแดน หรือ นำแรงงานต่างด้าว เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค มีกฎหมายบัญญัติไว้อยู่แล้ว
วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีภาระค่าใช้จ่าย ต้องตรวจ รักษา ผู้ลักลอบข้ามแดน ทั้งคนไทย และคนต่างด้าว จำนวนมาก ซึ่งก็คือ งบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน และ เงินกู้ ที่คนไทยต้องชดใช้ นั่นเองนี่คือ ประเด็นที่เสนอให้ช่วยกันคิด ครับ
เพราะอันที่จริง กฎหมายโรคติดต่อ มาตรา 41 และ 42 กำหนดไว้ชัดว่า คนที่เป็นเจ้าของพาหนะหรือนำผู้ป่วย ผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโรค รวมทั้งผู้เดินทางเข้ามาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกักตัว เฝ้าระวังอาการ ดูแล รักษาพยาบาล รวมถึง การป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
และการส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค คนที่พาเข้ามา และตัวเอง โดยที่รัฐไม่ต้องจ่ายให้ แต่ก็ถูกแย้งว่าไม่สามารถทำได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 กำหนดไว้ “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
คำถามคือ รัฐควรจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาผู้กระทำผิดกฎหมาย เหล่านี้ หรือ หากต้องจ่าย ก็น่าจะต้องเรียกเก็บจากผู้ที่นำเชื้อโรคเข้ามา ทั้งผู้ป่วย และ ผู้จัดหา นำเข้ามา จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ได้
ผมจะนำเรื่องนี้ไปประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางฏิบัติ ป้องกันไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย โดยไม่มีความรับผิดชอบ เพราะคิดว่า เมื่อป่วย รัฐมีหน้าที่ต้องรักษาให้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อีกต่อไป
ทั้งนี้หลังจากข้อความของนายอนุทิน ได้เผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่แล้วเห็นด้วยกับแนวคิดเพราะเห็นว่า คนกลุ่มนี้ฝ่าฝืนกฎหมาย ควรที่จะต้องดูแลตัวเองไม่ใช่ให้ทางการเข้ามาดูแลตัวเองเช่นนี้
