จากกรณีที่โลกออนไลน์ มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์รถเก๋งสีน้ำเงินคันหนึ่ง ถูกรถกระบะ และรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขับตามประกบเพื่อกดดันให้ออกจากพื้นที่การบิน โดยผู้ถ่ายคลิปมีการตั้งคำถามว่า รถคันดังกล่าวหลุดเข้ามาได้อย่างไร พร้อมตั้งข้อสงสัยว่ามีการพกพาอาวุธเข้ามาด้วยหรือไม่นั้น
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้มีการออกหนังสือชี้แจง โดยระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา โดยศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ ทสภ. หลังได้รับแจ้งเหตุ ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการสกัดจับตัวผู้บุกรุกทันที ทราบชื่อ นายประติพัต จากการตรวจสอบพบว่า ปัสสาวะเป็นสีม่วง และมีการซุกซ่อนยาเสพติดจำนวนหนึ่งไว้ในฝากระโปรงรถด้านหลัง
โดยเจ้าตัวให้การยอมรับว่า เมายาและขับรถผ่านเข้าไปในพื้นที่เขตห้ามดังกล่าวโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ทสภ. ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้ดำเนินคดีในข้อหา 3 ข้อหา คือ
- บุกรุกเข้าไปในเขตพื้นที่หวงห้ามภายในท่าอากาศยาน
- มียาเสพติดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย
- เสพ และเป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์) โดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ในตอนท้ายของประกาศ เผยว่า การเข้าสกัดจับผู้บุกรุกในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการอย่างรวดเร็ว เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย มีฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทสภ. และศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งตำรวจและทหาร คอยดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา
ขณะที่โลกโซเชียล เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงคำชี้แจงที่ ทอท. เผยออกมา ส่วนใหญ่มองว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของระบบรักษาความปลอดภัยของสนามบิน ที่ปล่อยให้ผู้บุกรุกเข้าไปถึงเขตพื้นที่การบินได้ง่าย ๆ ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก
