ด่วน!! คสช. ออกคำสั่งการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 120/2557 เรื่อง การปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

 

 

วันนี้ (12ธ.ค.57) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 120/2557 เรื่อง การปรับโครงสร้างราคาน้ํามันเชื้อเพลิง โดยระบุว่า

ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีนโยบายปรังโครงสร้างราคาพลังงานให้ เหมาะสมและเป็นธรรม โดยการปรับภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ราคาขายปลีกของน้ำมันเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลงไป กรณีที่ราคาขายปลีกลดลง จะทําให้ผู้ค้าน้ำมันมีผลขาดทุนจากปริมาณน้ํามันคงเหลือ จึงอาจไม่นําน้ำมันออกจําหน่าย

และกรณีที่ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น จะทําให้มีการกักตุนน้ำมันไว้จําหน่ายในวันที่ราคาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงก่อนการปรับราคาขายปลีก ดังนั้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง จึงต้องตรวจสอบปริมาณน้ำมันคงเหลือในคลังน้ำมันและสถานีบริการ

ข้อ1 ในคําสั่งนี้

“น้ำมันเชื้อเพลิง” หมายความว่า น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๑๐ ออกเทน ๙๑น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๑๐ ออกเทน ๙๕ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๒๐ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี ๘๕ น้ํามันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ และชนิดที่ ๒ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ซึ่งมีลักษณะและคุณภาพตามที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานประกาศกําหนดตามกฎหมาย ว่าด้วยการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และน้ำมันดีเซลพื้นฐาน

“ผู้ค้าน้ำมัน” หมายความว่า ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๑๐ และผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓

“สถานีบริการ” หมายความว่า สถานที่สําหรับจําหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชนโดยวิธีเติมหรือใส่ลง ในที่บรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงของยานพาหนะ โดยใช้มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยมาตราชั่ง ตวงวัด ที่ติดตั้งไว้เป็นประจํา ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติ

การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ รวมทั้งสถานีบริการที่ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ และมาตรา ๑๐ดําเนินการเอง “เจ้าของสถานีบริการ” หมายความว่า ผู้มีกรรมสิทธิ์ในสถานีบริการและกรณีที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ในสถานีบริการเป็น นิติบุคคลให้ถือว่ากรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้นเป็นเจ้าของสถานีบริการ ด้วย

“ประกาศราคาขายปลีก” หมายความว่า ประกาศราคาขายปลีกของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานตามข้อ ๒

“อัตราเงินชดเชย” หมายความว่า อัตราเงินชดเชยตามประกาศราคาขายปลีกของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน

“อัตราเงินส่งเข้ากองทุน” หมายความว่า อัตราเงินส่งเข้ากองทุนตามประกาศราคาขายปลีกของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน

“สถาบัน” หมายความว่า สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖

“ผู้อํานวยการ” หมายความว่า ผู้อํานวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน

“กองทุน” หมายความว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่จัดตั้งขึ้นตามคําสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗เรื่อง กําหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง

“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานราชการของกระทรวงพลังงานกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมาย

ให้ดําเนินการตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาตินี้

ข้อ ๒ เมื่อมีการประกาศปรับอัตราภาษีสรรพสามิตหรือ อัตราเงินส่งเข้ากองทุนตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สํานักงานนโยบายและแผนพลังงานประกาศราคาขายปลีกใหม่อัตราเงินชดเชยอัตรา เงินส่งเข้ากองทุน และภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกําหนดเวลาที่ราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง และผู้ค้าน้ำมันรับทราบ และปฏิบัติตามคําสั่งนี้

ข้อ ๓ เมื่อมีการประกาศราคาขายปลีกตามข้อ ๒ ให้ผู้ค้าน้ำมันได้รับเงินชดเชยหรือจ่ายเงินเข้ากองทุน ในปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิ ณ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ ตามประกาศสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผลใช้บังคับคูณด้วยอัตราเงินชดเชย หรืออัตราเงินส่งเข้ากองทุนตามประกาศราคาขายปลีก

ข้อ ๔ ให้ผู้อํานวยการมีอํานาจหน้าที่ในการจ่ายและเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนตามคําสั่งนี้โดยให้มีอํานาจกําหนดระเบียบเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคําสั่งนี้ตามที่เห็นสมควร

ข้อ ๕ เมื่อมีประกาศราคาขายปลีกตามข้อ ๒ ให้

(๑) ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการปฏิบัติดังต่อไปนี้

(ก) หยุดขายหรือจําหน่ายน้ํามันเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมันหรือสถานีบริการ ตั้งแต่เวลา๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ตามประกาศสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผล ใช้บังคับ จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือแล้ว เว้นแต่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจะมีเหตุผลสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น

(ข) ตรวจสอบผลการตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือในแบบตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ และลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัด

(ค) แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อหรือได้จากผู้ผลิตและโรงกลั่นน้ำมันในราชอาณาจักรที่สั่งหรือนําเข้า มาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักร รวมทั้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผู้ค้าน้ำมันจ่ายจากคลังน้ำมันเพื่อส่งไป ให้แก่ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการก่อนเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ตามประกาศสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผล ใช้บังคับ

และส่งมอบให้แก่ผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าว และมาถึงคลังน้ำมันหรือสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงที่รับฝากจากผู้อื่น(ถ้ามี) โดยในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อกรมธุรกิจพลังงานและในจังหวัดอื่นให้ยื่น ต่อสํานักงานพลังงานจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่ อย่างช้าไม่เกิน ๗ วันทําการนับแต่วันที่มีการตรวจวัด

ทั้งนี้กรณีผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการไม่อยู่ ณ คลังน้ำมันหรือสถานีบริการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งนี้ ให้พนักงานหรือลูกจ้างของผู้ค้าน้ำมันหรือเจ้าของสถานีบริการมีหน้าที่ ปฏิบัติตามคําสั่งนี้แทน

(๒) กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารไปตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อ เพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ำมันและสถานีบริการทุกแห่งในกรุงเทพมหานครตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ และให้สรุปผลปริมาณน้ำมันคงเหลือในเบื้องต้นส่งสํานักงานนโยบายและแผน พลังงานภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(๓) ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบสั่งการให้พลังงานจังหวัด นายอําเภอท้องที่ ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในท้องที่ และผู้บริหารงานท้องถิ่น ส่งพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับมอบหมายร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร บกในพื้นที่หรือตํารวจภูธรจังหวัด ไปร่วมตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ำมันและสถานีบริการทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบ ตั้งแต่เวลา๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

และรวบรวมผลการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือดังกล่าว นําส่งสํานักงานพลังงานจังหวัด กระทรวงพลังงาน อย่างช้าไม่เกิน๑ วันทําการนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ และให้พลังงานจังหวัดสรุปผลปริมาณน้ำมันคงเหลือในเบื้องต้นส่งสํานักงาน นโยบายและแผนพลังงานภายใน ๑๐ วันนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ

(๔) กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารบกในพื้นที่ การค้าภายในจังหวัด ตํารวจภูธรจังหวัด แล้วแต่กรณีไปร่วมตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือกับหน่วยงานตาม (๒) และ (๓)

ข้อ ๖ การคํานวณปริมาณน้ำมันคงเหลือสุทธิตามข้อ ๓ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานประกาศกําหนด

ข้อ ๗ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่อย่างน้อย ๒ คน ที่เข้าตรวจวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือตามข้อ ๕ ลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัดในแบบตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ

ข้อ ๘ ให้กรมธุรกิจพลังงานและสํานักงานพลังงานจังหวัดแจ้ง เป็นหนังสือให้ผู้ค้าน้ำมันในพื้นที่ที่รับผิดชอบทราบจํานวนเงินชดเชยที่พึง ได้รับ หรือจํานวนเงินส่งเข้ากองทุน ซึ่งคํานวณจากปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิแต่ละชนิดคูณด้วยอัตราเงิน ชดเชยหรืออัตราเงินส่งเข้ากองทุน
พร้อมกับส่งสําเนาหนังสือให้สถาบันทราบในกรณีที่ผู้ค้าน้ำมันมีทั้งจํานวน เงินชดเชยและเงินส่งเข้ากองทุน ให้คํานวณเป็นเงินชดเชยหรือเงินส่งเข้ากองทุนสุทธิ (ผลต่างระหว่างเงินชดเชยและเงินส่งเข้ากองทุน) ในแต่ละแห่ง

ข้อ ๙ ให้ผู้ค้าน้ำมันยื่นหนังสือขอรับเงินชดเชยหรือส่งเงินเข้ากองทุนสุทธิต่อสถาบันภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือตามข้อ ๘ในกรณีการขอรับเงินชดเชย หากพ้นกําหนดเวลา ๙๐ วัน ผู้ค้าน้ํามันยังไม่ยื่นหนังสือถือว่าไม่ประสงค์จะขอรับเงินชดเชย

ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนสุทธิตามคําสั่งนี้ หากผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินไม่ส่งเงินให้สถาบันส่งเงินให้สถาบันไม่ครบถ้วน ตามจํานวนที่ต้องส่ง หรือไม่ส่งเงินคืนสถาบันภายในเวลาที่กําหนดให้กรมธุรกิจพลังงานและสํานัก งานพลังงานจังหวัดส่งเรื่องให้สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาดําเนิน คดีตามกฎหมาย

ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนไม่ส่งเงินให้สถาบัน หรือส่งขาดหรือไม่ส่งเงินคืนสถาบันหรือส่งเงินเมื่อพ้นระยะเวลาที่กําหนด ไม่ว่าจะถูกดําเนินคดีตามวรรคหนึ่งหรือไม่ ให้จ่ายเงินเพิ่มอีกในอัตราร้อยละหกต่อเดือนของจํานวนเงินดังกล่าว ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ครบกําหนดส่งและให้ถือว่าเงินเพิ่มนี้เป็นเงินที่ต้องส่ง เข้ากองทุนด้วย

ข้อ ๑๑ ให้สถาบันเรียกเก็บเงินจากผู้ค้าน้ํามันหรือจ่ายเงินให้ผู้ค้าน้ํามันเป็นยอดเงินสุทธิตามข้อ ๘

ข้อ ๑๒ ในกรณีที่มีปัญหาในการตีความเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาวินิจฉัยและให้ถือว่าคําวินิจฉัยดังกล่าวเป็นที่สุด

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ




SOCIAL NETWORK

Mono Mobile

แหล่งรวบรวมคอนเทนต์คุณภาพ ทั้งในรูปแบบวิดีโอคลิป สามารถดูได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานหลากหลายอุปกรณ์

Mono Technology

อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ เลขที่ 200 หมู่ 4 ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เบอร์โทร 021007007

TAGS

บันเทิง, ข่าวสาร, ก็อซซิป, คลิปตลก, คลิปเด็ด, ดูดวง, เพลงฮิต, เกม, ความรัก, กีฬา